โรงไฟฟ้าซาปอริซเซีย
หายนะนิวเคลียร์ยุโรปครั้งใหม่?!
“เรเจพ เทยิพ แอร์โดอาน” ประธานาธิบดีตุรกี กล่าวในวงสนทนากับ “อันโตนีอู กุแตเรซ” เลขาธิการองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) และ “โวโลดิมีร์ เซเลนสกี” ผู้นำยูเครน ที่เมืองลวิฟเมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะพูดคุยหารือกันถึงสถานการณ์ความเป็นไปในยูเครนในขณะนี้ ด้วยการย้ำเตือนให้ระวังจะเกิดหายนะครั้งเลวร้ายขึ้นในยุโรปได้ ที่อาจเป็นการซ้ำรอยเหตุระเบิดที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิลที่เกิดขึ้นเมื่อ 36 ปีก่อน หรือในปี ค.ศ.1986 ในยุคที่โรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล อยู่ในดินแดนสหภาพโซเวียต แต่ปัจจุบันอยู่ในดินแดนยูเครน ซึ่งยูเอ็นได้ประกาศว่าอุบัติเหตุครั้งนั้นเป็นหายนะด้านสิ่งแวดล้อมครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
ขณะที่เลขาธิการยูเอ็นกล่าวเตือนว่า ความเสียหายใดๆ ที่จะเกิดขึ้นกับ “โรงไฟฟ้าซาปอริซเซีย” โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ได้ชื่อว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในยุโรป ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองซาปอริซเซีย ทางตะวันออกเฉียงใต้ของยูเครนนั้น จะเท่ากับเป็น “การฆ่าตัวตัวตาย!”
ทั้งสองเสียงเป็นคำเตือนที่มีขึ้นในขณะที่การสู้รบโจมตีในพื้นที่โดยรอบโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย ที่ขณะนี้ตกอยู่ใต้การยึดครองของกองกำลังรัสเซียมาตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลังจากรัสเซียเปิดฉากสงครามรุกรานยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์นั้น ยังดำเนินไปอย่างดุเดือด และอยู่ในภาวะล่อแหลมสุ่มเสี่ยงยิ่งที่จะก่อหายนะให้กับโรงไฟฟ้าแห่งนี้ได้
นั่นจุดความวิตกกังวลให้กับหลายฝ่ายว่าเหตุปะทะกันในพื้นที่ดังกล่าว จะนำพาไปสู่การอุบัติขึ้นของภัยพิบัตินิวเคลียร์ครั้งเลวร้ายขึ้นในยุโรปอีกครั้งหรือไม่ ที่ส่งผลให้สำนักงานพลังงานปรมาณูสากล (ไอเออีเอ) ซึ่งเป็นองค์กรสังเกตการณ์ด้านนิวเคลียร์ของยูเอ็น และผู้นำโลกต่างออกมาเรียกร้องให้เปิดทางให้เข้าไปประเมินตรวจสอบความเสียหายในพื้นที่ที่โรงไฟฟ้าซาปอริซเซีย เพื่อป้องกันหายนะเลวร้ายที่อาจเกิดขึ้น
ก่อนจะไปถึงคำถามที่ว่าความเสี่ยงเกิดภัยพิบัตินิวเคลียร์เลวร้ายครั้งใหม่ในยุโรป มีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน? ก็ต้องติดตามพัฒนาการของการสู้รบในพื้นที่กันก่อน
เกิดอะไรขึ้นที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซีย?
ในช่วงไม่กี่สัปดาห์มานี้ การปะทะโจมตีในซาปอริซเซียระหว่างกองกำลังรัสเซียและยูเครนยังคงเป็นไปอย่างดุเดือด มีการระดมยิงปืนใหญ่และจรวดถล่มพื้นที่โรงไฟฟ้าซาปอริซเซียอย่างหนัก สร้างความเสียหายให้กับคลังเก็บเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ภายในโรงไฟฟ้าดังกล่าวที่มีถังเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ที่ใช้แล้วจำนวน 174 ถังเก็บไว้อยู่ ตลอดจนทำให้เครื่องตรวจจับรังสีที่โรงไฟฟ้าได้รับความเสียหายด้วย จากข้อมูลกล่าวอ้างของ Energoatom บริษัทผู้ดำเนินงานโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ของทางการยูเครนเมื่อเร็วๆ นี้
ขณะที่ “ราฟาเอล มาเรียโน กรอสซี” ผอ.ไอเออีเอ ที่นำข้อมูลเข้ารายงานต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ระบุว่า สถานการณ์ในโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ซาปอริซเซียกำลังเลวร้ายลงจนถึงจุดที่ “น่าตกใจยิ่ง” หลังจากเกิดเหตุระเบิดขึ้นหลายครั้งเมื่อวันที่ 5 สิงหาคมที่ผ่านมา ใกล้กับแผงสวิตช์ไฟฟ้าในโรงไฟฟ้าซาปอริซเซีย จนทำให้ไฟดับและเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์เครื่องหนึ่งถูกตัดขาดจากโครงข่ายไฟฟ้า
ยูเครนออกมากล่าวหาซ้ำๆ ว่ากองกำลังรัสเซียที่ควบคุมโรงไฟฟ้าซาปอริซเซียไว้อยู่ในมือ ได้ใช้โรงไฟฟ้าแห่งนี้เป็นฐานที่มั่น เป็นคลังเก็บอาวุธหนักของกองกำลังตนเองและใช้เป็นที่กำบังตัวเพื่อก่อการโจมตี โดยรู้ดีว่ากองกำลังยูเครนไม่สามารถยิงตอบโต้กลับได้โดยไม่เสี่ยงที่จะยิงถูก 1 ใน 6 เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ที่มีอยู่ในโรงไฟฟ้าแห่งนี้ได้ ขณะที่รัสเซียก็กล่าวหากลับอีกฝ่ายว่ากองกำลังยูเครนนั่นแหละที่กำลังพุ่งเป้าโจมตีโรงไฟฟ้า กลายเป็นต่างฝ่ายต่างชี้นิ้วใส่กันว่าอีกฝ่ายกำลังสร้างภัยคุกคามด้วยนิวเคลียร์
โรงไฟฟ้าซาปอริซเซียมีความปลอดภัยแค่ไหน?
ต่อประเด็นนี้ ในความเห็นของผู้เชี่ยวชาญระบุว่า โรงไฟฟ้านิวเคลียร์สมัยใหม่ถูกออกแบบมาให้มีระบบความปลอดภัยที่แข็งแกร่งเป็นพิเศษ เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นจากอุบัติภัยคุกคามใดๆ ในทุกรูปแบบ เช่น เหตุแผ่นดินไหว
เจมส์ แอคตัน ผู้อำนวยการโครงการนโยบายนิวเคลียร์ ของสถาบันคาร์เนกี เอ็นดาวเมนต์ ฟอร์ อินเตอร์เนชันแนล พีซ ให้ความเห็นว่า โรงไฟฟ้าซาปอริซเซีย ก็เหมือนกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อื่นๆ ที่มีระบบความปลอดภัยที่แน่นหนาหลากหลาย ซึ่งภายใต้สถานการณ์ปกติจะมีประสิทธิภาพสูงอยู่แล้ว แต่ปัญหาก็คือ โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ไม่ได้ถูกออกแบบมาสำหรับเขตสงครามและภายใต้สถานการณ์ที่เป็นไปได้ ระบบทั้งหมดอาจล้มเหลว
ด้าน ลีออน ซีเซลจ์ ประธานสมาคมนิวเคลียร์ยุโรป กล่าวว่า เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 6 เครื่องในโรงไฟฟ้าซาปอริซเซีย ซึ่งมีเพียง 2 เครื่องที่ยังทำงานอยู่นั้น มีโครงเหล็กและคอนกรีตหนาหลายเมตรสร้างขึ้นเป็นเกราะป้องกันอยู่ การสุ่มยิงโจมตีจึงไม่น่าจะทำลายระบบป้องกันนี้ได้ แต่หากมีเจตนาโจมตีที่เล็งเป้าหมายไปที่เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์จริงๆ ความเสี่ยงก็จะเพิ่มขึ้น แต่ก็จะต้องใช้ทักษะสูงมากในการปฏิบัติการ ซึ่งโดยความเห็นส่วนตัวของเขานั้นมองว่า มาตรการป้องกันของโรงไฟฟ้าซาปอริซเซียก็น่าจะเทียบมาตรฐานได้กับประเทศในสหภาพยุโรป (อียู) ที่ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านความปลอดภัยนิวเคลียร์อย่างเข้มงวด
สถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด?
ดังที่กล่าวมาข้างต้นว่าโดยทั่วไปแล้วโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มีระบบความปลอดภัยที่ซับซ้อนเข้มข้น เช่น การใช้เครื่องกำเนิดไฟฟ้าดีเซลและการเชื่อมต่อไฟฟ้าจากโครงข่ายภายนอก เพื่อทำความเย็นหล่อเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ แต่โรงไฟฟ้าซาปอริซเซียยังมีระบบละอองน้ำจากอ่างเก็บน้ำภายในโรงไฟฟ้าที่ถูกทำให้เย็นลง คอยหล่อทำความเย็นอีกทางหนึ่ง ซึ่งหากระบบเหล่านี้ล้มเหลว เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ก็จะร้อนขึ้นในทันที ซึ่งก็จะทำให้เกิดการหลอมละลายของนิวเคลียร์ได้ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า นั่นจะเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุด แต่จะสร้างภัยพิบัติในระดับท้องถิ่น ที่พวกเขาไม่คิดว่ามันจะส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อยุโรปในวงกว้าง
เปโตร โคติน ประธานของ Energoatom กล่าวถึงการโจมตีใกล้กับโรงไฟฟ้าซาปอริซเซียครั้งหนึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ว่า มันอันตรายมากๆ เพราะจรวดหลายลูกที่ถูกยิงเข้ามาตกห่างจากคลังเก็บเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ไปเพียง 10-20 เมตรเท่านั้น หากจรวดลูกใดลูกหนึ่งถูกยิงไปโดนถังบรรจุเชื้อเพลิงที่ผ่านกระบวนการแล้ว เหตุกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลก็จะอุบัติขึ้นได้ ซึ่งจะก่อผลกระทบไปในพื้นที่โดยรอบ แต่หากถังเชื้อเพลิงถูกทำลายมากกว่านั้น ผลกระทบก็จะขยายวงกว้างเพิ่มขึ้นไปตามกัน
ซาปอริซเซีย จะซ้ำรอยภัยพิบัติโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิลหรือไม่?
เป็นคำถามที่ผู้เชี่ยวชาญด้านนิวเคลียร์ให้ความระมัดระวังเป็นพิเศษเมื่อจะนำไปเปรียบเทียบกับภัยพิบัติโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล ซึ่งหลายคนให้ความเห็นว่าสถานการณ์เลวร้ายไม่น่าจะไปถึงขั้นนั้น ในความเห็นของซีเซลจ์ ประธานสมาคมนิวเคลียร์ยุโรป กล่าวว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้มากนักที่โรงไฟฟ้าซาปอริซเซียจะได้รับความเสียหาย แต่หากมีกรณีที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น ปัญหากัมมันตภาพรังสีที่รั่วไหลส่วนใหญ่จะส่งผลกระทบต่อชาวยูเครนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ มากกว่าจะแพร่กระจายไปทั่วยุโรปตะวันออกดังกรณีเหตุระเบิดโรงไฟฟ้าเชอร์โนบิล
ซีเซลจ์กล่าวว่า หากเราใช้ประสบการณ์ที่ผ่านมา ก็อาจจะเปรียบเทียบได้กับกรณีกัมมันตภาพรังสีรั่วไหลที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุคุชิมะหลังเกิดเหตุแผ่นดินไหว-คลื่นยักษ์สึนามิถล่มญี่ปุ่นในปี 2011 ที่น่าจะเป็นสถานการณ์เลวร้ายที่สุดสำหรับซาปอริซเซีย มันอาจจะส่งผลอันตรายต่อเจ้าหน้าที่ยูเครนที่ยังทำงานอยู่ที่นั่น และชาวยูเครนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่ใกล้เคียงกับโรงไฟฟ้าซาปอริซเซียที่ตั้งอยู่บนริมฝั่งแม่น้ำดนีโปร ทางตอนใต้ของเมือง
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร หายนะที่เกิดขึ้นกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ใครอยากให้มันเกิดขึ้น!