ไทยร่วมจัดเวทีดูแลปัญหาสุขภาพจิตในโรงเรียน ‘ดอน’ ชี้โลกออนไลน์สร้างความท้าทายต่อจิตใจ-อารมณ์

ไทยร่วมจัดเวทีดูแลปัญหาสุขภาพจิตในโรงเรียน ‘ดอน’ ชี้โลกออนไลน์สร้างความท้าทายต่อจิตใจ-อารมณ์

เมื่อวันที่ 20 กันยายน นายดอน ปรมัตถ์วินัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่อยู่ระหว่างมาร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยที่ 77 ได้เข้าร่วมการประชุมสุดยอดเรื่องการปฏิรูปการศึกษา หรือTransforming Education Summit (TES) เรื่อง “การส่งเสริมและป้องกันสุขภาพจิตในโรงเรียนและสภาพแวดล้อมการเรียนรู้” ที่ไทยร่วมเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นพร้อมกับยูนิเซฟ องค์การอนามัย และยูเนสโก โดยมีสมเด็จพระราชินีเลติเซียแห่งสเปนเสด็จฯ มาร่วมในงานดังกล่าวด้วย
นายดอนกล่าวว่า งานในวันนี้มีความสำคัญยิ่งนี้เพราะเป็นการให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีของเด็กและเยาวชนในโรงเรียน  ปัจจุบันการเติบโตเป็นเรื่องยากกว่าที่เคยสำหรับเด็กและเยาวชน มีความเครียดใหม่ๆ มากมายที่คนในรุ่นของผมไม่สามารถแม้แต่จะทำความเข้าใจได้ ซึ่งทำให้ประเด็นเรื่องสุขภาพจิตกลายเป็นปัญหาสำคัญในสังคม ที่เกิดขึ้นจากความสับสน การเสพติด และการมีอยู่ทุกแห่งหนของโลกออนไลน์ตลอด 24 ชั่วโมง
การแยกตัวและการหยุดชะงักของกระบวนการทางสังคมตามปกติที่เกิดจากโควิด-19 และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ตลอดจน “ความเป็นจริง” ที่เกิดขึ้นในโลกเสมือนจริงใหม่ที่ทำให้เกิดความท้าทายทางจิตใจและอารมณ์สำหรับบุตรหลานของเรา อาการซึมเศร้า ความวิตกกังวล ความแตกแยกทางอารมณ์ และความรู้สึกแปลกแยกกำลังกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาในเด็ก ยาเสพติดเป็นที่แพร่หลายมากขึ้น มีจำหน่ายทั่วไป และราคาไม่แพง
คนหนุ่มสาวแต่ละคนต้องการเครื่องมือใหม่และการสนับสนุนเพิ่มเติมเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันทางอารมณ์และความแข็งแกร่งทางจิตใจ เพื่อให้พวกเขามีสุขภาพที่ดี เพื่อให้พวกเขามีอดทน เติบโตอย่างเต็มที่ และกลายเป็นสมาชิกที่มีความสมดุลและมีประสิทธิผลภายในสังคมของพวกเขา
ประการแรก ในระหว่างการศึกษา เด็กๆ ใช้เวลาในโรงเรียนมากกว่านอกโรงเรียน ดังนั้นโรงเรียนจึงสามารถและควรมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพทางอารมณ์และสุขภาพจิตที่ดี และต้องสามารถระบุการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในระยะเริ่มต้น ตลอดจนสัญญาณของความทุกข์ทางจิตได้ เช่นเดียวกับการตอบรับคำร้องเงียบๆ เพื่อขอความช่วยเหลือของพวกเขาได้
ด้วยการสนับสนุนจากพันธมิตรอย่างยูนิเซฟและมูลนิธิส่งเสริมสุขภาพไทย รัฐบาลไทยได้ดำเนินการรณรงค์เพื่อสังคม เช่น โครงการ School Health HERO เพื่อลบล้างปัญหาสุขภาพจิตและพัฒนาเครื่องมือเพื่อช่วยเหลือครูในโรงเรียนในการคัดกรองและช่วยเหลือเด็ก นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้เด็กๆ ขอความช่วยเหลือจากครู ครอบครัว และเพื่อนฝูง เพราะ “การพูดสามารถช่วยชีวิตได้”
ประการที่สอง โรงเรียนสามารถช่วยยับยั้งปัญหาสุขภาพจิตได้ ทักษะทางสังคมและอารมณ์ ความรู้ และพฤติกรรมที่คนหนุ่มสาวเรียนรู้ในห้องเรียนสามารถช่วยให้พวกเขายังคงมีส่วนร่วมกับโรงเรียนและบรรลุความสำเร็จด้านวิชาการ ตลอดจนกำหนดรูปแบบการจัดการสุขภาพจิตตลอดชีวิต เราต้องเพิ่มความยืดหยุ่นของนักเรียนต่อความต้องการและความท้าทายในแต่ละวัน เราต้องส่งเสริมความมั่นใจในตนเองของพวกเขาผ่านการตั้งเป้าหมายและการฝึกความมั่นคงทางสุขภาพจิต การปลูกฝังความคิดเชิงบวกจะช่วยให้พวกเขาเรียนรู้วิธีมองเห็นโอกาสในความท้าทาย และพัฒนาความคิดที่ถูกต้องสำหรับการเปลี่ยนแปลง ที่สำคัญที่สุดพวกเขาต้องเรียนรู้ว่าสามารถพัฒนาทักษะในการจัดการปัญหาสุขภาพจิตได้
ประการที่สาม โรงเรียนต้องจัดให้มีสภาพแวดล้อมสำหรับการเรียนรู้ที่สร้างสรรค์และเอื้ออำนวยสำหรับทุกคน นี่เป็นสิ่งจำเป็นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในบริบทของการฟื้นฟูภายหลังโควิด-19 ซึ่งนักเรียนจำเป็นต้องมีแรงจูงใจเพื่อชดเชยการขาดดุลในการเรียนรู้และการขัดเกลาทางสังคมในช่วงการระบาดใหญ่ เรามุ่งมั่นที่จะส่งเสริมโรงเรียนที่เน้นการสร้างสมดุลระหว่างผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนและความผาสุกทางจิตใจและอารมณ์ของนักเรียน ทั้งนี้ความฉลาดทางอารมณ์ หรือ EQ มีความสำคัญพอๆ กับ IQ เสียด้วยซ้ำ
การศึกษาเป็นมากกว่าการสอนเนื้อหาทางวิชาการ มีพลังที่แตกต่างและยิ่งใหญ่ในการเตรียมนักเรียนให้พร้อมสำหรับชีวิตที่มีสุขภาพดีและเติมเต็ม เรามาร่วมมือกันเปลี่ยนการศึกษาให้เป็น “แรงบันดาลใจ” สำหรับเด็กทุกคน ขอให้เราลงทุนต่อไปในการช่วยให้เด็กเติบโตและเจริญก้าวหน้า ใช้ชีวิตที่มีความสุขและมองโลกในแง่ดี
ผมตั้งตารอการเรียกร้องให้มีการลงมือปฎิบัติภายใต้การนำของผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก รัฐบาลไทยพร้อมที่จะให้การสนับสนุนและเอาชนะปัญหาสุขภาพจิตและความเป็นอยู่ที่ดีของเด็กและเยาวชน เพราะพวกเขาคืออนาคตของโลกของเรา
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image