อีลอน มัสก์ ปะทะคารม เซเลนสกี เรื่องแผนสันติสุขจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 4 ตุลาคมว่า นายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชาวอเมริกันเจ้าของบริษัทรถยนต์เทสลา และจรวด SpaceX ปะทะคารมกับบรรดาเจ้าหน้าที่ระดับสูงของยูเครน รวมถึงนายโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครนเกี่ยวกับทางออกของสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน
นายมัสก์จุดประเด็นดังกล่าวโดยโพสต์ข้อความผ่านทางทวิตเตอร์ถึงไอเดียต่อการแก้ปัญหาความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยมัสก์เสนอให้จัดประชามติแยกตัว 4 แคว้นในยูเครนเพื่อผนวกเข้ากับรัสเซียอีกครั้งภายใต้การกำกับดูแลขององค์การสหประชาชาติ อีกทั้งยังเสนอให้ยอมรับการผนวกภูมิภาคไครเมียให้เป็นของรัสเซีย และเสนอให้ยูเครนมีสถานะเป็นกลาง โดยนายมัสก์ได้สร้างโพลให้บรรดาผู้ที่ติดตามของนายมัสก์ในทวิตเตอร์ ที่มีมากกว่า 107 ล้านแอคเคาต์ ได้มาแสดงความคิดเห็นว่าเห็นด้วยกับไอเดียดังกล่าวของนายมัสก์หรือไม่
ต่อมานายเซเลนสกีได้ออกมาตอบโต้ไอเดียดังกล่าวของนายมัสก์ในทวิตเตอร์ โดยได้สร้างโพลในแอคเคาต์ของนายเซเลนสกีเองว่า มัสก์ชอบแบบใดมากกว่ากันระหว่างสนับสนุนยูเครน หรือ สนับสนุนรัสเซีย นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ระดับสูงคนอื่นๆ ของยูเครนก็ได้ออกมาแสดงความเห็นถึงไอเดียของนายมัสก์อีกเช่นกัน อาทิ นายอังเดร เมลนิค เอกอัครราชทูตยูเครนประจำประเทศเยอรมนีกล่าวว่า คำตอบในเชิงการทูตของตนที่มีต่อนายมัสก์คืออยากให้นายมัสก์ไปให้พ้น
ส่วนนายมิไคโล โปลโดยัค ที่ปรึกษาของประธานาธิบดีเซเลนสกีของยูเครน กล่าวว่า จะเสนอแผนสันติสุขที่ดีกว่าของนายมัสก์ก็คือ คืนดินแดนที่รัสเซียทำการยึดไปจากยูเครนอย่างภูมิภาคไครเมียให้กลับมาเป็นของยูเครนอีกครั้ง รวมทั้งเสนอให้รัสเซียทำการปลดกองกำลังทหารของตนเอง และปลดอาวุธนิวเคลียร์ และเสนอให้ “อาชญากรสงคราม” ถูกนำตัวขึ้นตัดสินคดีในศาลโลก
ด้านนายมัสก์กล่าวเพิ่มเติมภายหลังว่า รัสเซียอาจทำการเรียกระดมพลแบบสมบูรณ์ และมีโอกาสที่จะทำให้สถานการณ์ระหว่างรัสเซียและยูเครนกลายเป็นสงครามเต็มรูปแบบ ซึ่งจะทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากจากทั้ง 2 ฝั่ง โดยรัสเซียจะถือความได้เปรียบเนื่องจากมีประชากรมากกว่ายูเครน
นายมัสก์ยังแสดงความเห็นในทวิตเตอร์ว่า โอกาสที่ยูเครนจะเป็นฝ่ายที่ได้รับชัยชนะในสงครามเบ็ดเสร็จนั้นมีน้อย และหากคุณแคร์ประชาชนชาวยูเครนก็ควรจะมองหาความสันติสุข
ขณะที่ประธานาธิบดีเซเลนสกีย้ำว่า เขาจะไม่มีวันเจรจากับรัสเซีย ตราบใดที่วลาดิมีร์ ปูติน ยังคงเป็นผู้นำประเทศ
