สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ปี พ.ศ.2559 อยู่บนเส้นทางในการเป็นปีที่ร้อนที่สุดในประวัติศาสตร์โลกจากการคาดการณ์ของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) โดยมีแนวโน้มว่าอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกจะอยู่ที่ระดับสูงกว่าช่วงก่อนยุคอุตสาหกรรม 1.2 องศาเซลเซียส ขณะที่ธนาคารโลกประเมินว่าจะมีผู้คน 26 ล้าน ตกอยู่ในความยากจนเพิ่มขึ้นทุกปีจากภัยธรรมชาติ โดยคิดเฉพาะมูลค่าความสูญเสียของทรัพย์สินอย่างเดียวในแต่ละปีสูงถึง 500,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 17.75 ล้านล้านบาท) สะท้อนให้เห็นถึงความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
ขณะที่นักวิทยาศาสตร์ของโกลบอล คาร์บอน บัดเจ็ต เปิดเผยรายงานระบุว่า การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการเผาไหม้พลังงานซากดึกดำบรรพ์ ที่เป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันให้เกิดภาวะโลกร้อนยังอยู่ในระดับเดิมไม่เปลี่ยนแปลงเป็นปีที่ 3 ติดต่อกันในปี 2558
รายงานทั้ง 3 ฉบับนี้ได้รับการเผยแพร่นอกรอบการประชุมระดับสูงด้านสภาพอากาศของยูเอ็นครั้งที่ 22 (คอป22) ที่เมืองมาร์ราเกช ประเทศโมร็อกโก เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ในช่วงเวลาที่ที่ประชุมยังคงตกตะลึงจากข่าวที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งมีแนวคิดปฏิเสธเรื่องโลกร้อนเอาชนะการเลือกตั้งได้เป็นว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนที่ 45
นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า ข้อเท็จจริงที่ว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจและการปล่อยมลพิษไม่ได้ไปในทิศทางเดียวกันนับเป็นสัญญาณที่น่ายินดี แต่อัตราเร็วของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกยังคงทำให้โลกอยู่บนเส้นทางสู่หายนะจากพายุรุนแรง ความแห้งแล้งและเหตุการณ์ด้านสภาพอากาศที่สุดโต่ง พร้อมเตือนว่า หากไม่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนลงในปริมาณมากอย่างรวดเร็ว จะทำให้ระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนข้ามขีดอันตรายที่จะส่งผลกระทบต่อโลกในอีกไม่กี่ทศวรรษข้างหน้า
