นายกฯอังกฤษปลดฟ้าผ่า รมต.คลัง พร้อมกลับลำแผนลดภาษี หวังเอาตัวรอดทางการเมือง

(REUTERS)

นายกฯอังกฤษปลดฟ้าผ่า รมต.คลัง พร้อมกลับลำแผนลดภาษี หวังเอาตัวรอดทางการเมือง

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 15 ตุลาคมว่า นางลิซ ทรัสส์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้ปลดรัฐมนตรีคลังออกจากตำแหน่งและปรับแผนนโยบายเศรษฐกิจบางส่วนที่ถูกวิจารณ์ ในความพยายามอย่างยิ่งยวดเพื่อความอยู่รอดทางการเมืองในเวลาไม่ถึง 40 วันที่เธอก้าวขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี

ท่ามกลางความปั่นป่วนของตลาดการเงินอังกฤษ นางทรัสส์กล่าวยอมรับในการแถลงข่าวว่า แผนการปรับลดภาษีที่ไม่ได้รับการสนับสนุนได้ดำเนินไป “เกินกว่าและเร็วกว่า” ที่นักลงทุนคาดไว้ และว่า สิ่งที่ตนตัดสินใจไปอย่างเด็ดขาดในวันนี้เพราะสิ่งสำคัญลำดับแรกคือเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งนี่คือเรื่องยาก แต่เราจะผ่านพายุลูกนี้ไปได้ โดยในการนี้นางทรัสส์ได้ปลดนายกวาซี กวาร์เต็ง รัฐมนตรีคลัง ออกจากตำแหน่ง และตั้งนายเจเรมี ฮันท์ อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศและอดีตรัฐมนตรีสาธารณสุข ขึ้นเป็นรัฐมนตรีการคลังคนใหม่แทน

หลังการแถลงข่าวของนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ส่งผลให้ค่าเงินปอนด์และพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษร่วงหนัก โดยเงินปอนด์อ่อนค่าลงอยู่ที่ 0.8929 ปอนด์ต่อดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอังกฤษระยะยาวลดลงต่ำกว่า 0.5% จากระดับสูงสุดในรอบ 20 ปีเมื่อวันที่ 12 ตุลาคมที่ผ่านมา โดยนักเศรษฐศาสตร์และนักลงทุนชี้ว่าการกลับลำแผนลดภาษีมูลค่า 2 หมื่นล้านปอนด์ของเธอ ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ตลาดสงบลงได้

ทั้งนี้ นโยบายการคลังเจ้าปัญหาของทรัสส์ที่ถูกประกาศสู่สาธารณะเมื่อวันที่ 23 กันยายน โดยนายกวาร์เต็งได้สร้างปฏิกิริยาเชิงลบขั้นรุนแรงจากตลาดการเงินอังกฤษ ขนาดที่ธนาคารแห่งอังกฤษ (บีโออี) ต้องเข้าแทรกเพื่อป้องกันไม่ให้กองทุนบำนาญตกอยู่ในสภาพวุ่นวาย เนื่องจากต้นทุนการกู้ยืมและการจำนองสูงขึ้น

Advertisement

ความล้มเหลวในนโยบายนี้ส่งผลให้รัฐบาลนางทรัสส์สุ่มเสี่ยงที่จะล้มลงได้ หากไม่สามารถหานโยบายลดค่าใช้จ่ายสาธารณะและเพิ่มการเก็บภาษีอันใหม่ เพื่อกอบกู้ความมั่นใจจากนักลงทุนและให้ได้รับเสียงสนับสนุนในรัฐสภา โดยนายฮันท์ รัฐมนตรีการคลังคนใหม่ จะเสนอแผนงบประมาณใหม่ที่จะเป็นการหาทางออกต่อปัญหานี้ในวันที่ 31 ตุลาคมนี้

ในเบื้องต้น ทรัสส์ได้ระงับนโยบาย 2 ประการที่เดิมจะยกเลิกก่อนหน้านี้ หนึ่งคือ การจะยกเลิกการเก็บอัตราภาษีเงินได้สูงสุด 45% ในกลุ่มผู้มีรายได้สูง และสองคือ การคงภาษีนิติบุคคลให้อยู่ที่ 19% แทนที่จะปรับเพิ่มขึ้นเป็น 25% ตามแผนที่รัฐบาลนายบอริส จอห์นสัน อดีตนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ได้วางแผนไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งการปรับเปลี่ยนนโยบายทั้ง 2 ประการจะทำให้รัฐบาลอังกฤษมีเงินเพิ่มขึ้นราว 2 หมื่นล้านปอนด์สำหรับการคลังสาธารณะ

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image