สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ที่ประชุมรัฐมนตรีคลังสหภาพยุโรป (อียู) ในกรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม เปิดเผยเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ว่า ธนบัตรใบละ 500 ยูโร มีรอยด่างพร้อยจากความเชื่อมโยงกับการฟอกเงิน ตลาดมืด และการให้ทุนสนับสนุนการก่อการร้าย และควรจะยกเลิกการพิมพ์ออกมาใช้
ข่าวระบุว่า ธนบัตรใบละ 500 ยูโร ซึ่งเป็นสีม่วง ถือเป็นหน่วยใหญ่ที่สุดของสกุลเงินที่ใช้ในยูโรโซน (กลุ่มประเทศผู้ใช้เงินสกุลยูโร) แต่สำนักงานตำรวจยุโรป หรือยูโรโปล ตั้งข้อสงสัยมาเป็นเวลานานแล้วว่า บรรดาอาชญากรพบว่า การใช้ธนบัตรใบละ 500 ยูโรถือเป็นวิธีการที่สะดวกสบายในการเคลื่อนย้ายเงินจำนวนมากโดยที่เจ้าหน้าที่ทางการไม่รู้
นายมิเชล ซาแปง รัฐมนตรีคลังฝรั่งเศสเปิดเผยว่า ธนบัตรดังกล่าวถูกใช้ในการซุกซ่อนหรือปกปิดบางสิ่งมากกว่าการซื้อของ และถูกใช้เพื่ออำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรมที่ไม่ซื่อตรง
ที่ประชุมรัฐมนตรีคลังอียู หารือกันถึงแผนที่จะควบคุมการให้เงินสนับสนุนการก่อการร้าย ซึ่งฝรั่งเศสผลักดันเรื่องนี้มาตั้งแต่หลังเหตุการณ์ก่อวินาศกรรมกรุงปารีสเมื่อปีที่แล้ว โดยอียูได้พิจารณาเรื่องนี้มาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว
แถลงการณ์ระบุว่า “คณะกรรมาธิการยุโรปจะพิจารณาความจำเป็นในการกำหนดข้อห้ามที่เหมาะสมเรื่องการจ่ายเงินสดเกินกว่าเพดานที่กำหนด และร่วมมือกับธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) เพื่อพิจารณามาตรการที่เหมาะสมเกี่ยวกับธนบัตรที่มีมูลค่าสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ใบละ 500 ยูโร”
ทั้งนี้ คณะกรรมาธิการยุโรป จะนำการวิเคราะห์ข้อมูลของยูโรโปลมาพิจารณาร่วมด้วยและจะนำเสนอข้อสรุปภายในเดือนพฤษภาคมนี้
ยูโรโปลได้เตือนมานานหลายปีแล้ว ถึงความสำคัญในการติดตามเส้นทางการเคลื่อนไหวของเงินในการต่อสู้กับการก่อการร้าย การคอร์รัปชั่น การฉ้อฉล และการก่ออาชญากรรม
ข้อมูลของอีซีบีระบุว่า ธนบัตรใบละ 500 ยูโรมีปริมาณคิดเป็น 3 เปอร์เซ็นต์ของธนบัตรที่ได้รับการตีพิมพ์ทั้งหมด แต่คิดเป็น 28 เปอร์เซ็นต์หากนับจากมูลค่า