หุ้นสหรัฐร่วงรับข่าว ‘เฟด’ ปรับขึ้นดอกเบี้ยรอบ 6 อีก 0.75% ชี้เงินเฟ้อยังสูง
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งที่ 0.75% เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมาตามเวลาในสหรัฐ ตามความคาดหมาย ถือเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องกัน 4 ครั้ง และเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งที่ 6 ในปีนี้ เพื่อรับมือกับปัญหาเงินเฟ้อ ส่งผลให้ดอกเบี้ยระยะสั้นของสหรัฐแตะระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี
นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดหลีกเลี่ยงที่จะส่งสัญญาณให้ชัดเจนว่าการขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งต่อไปของเฟดในเดือนธันวาคมอาจเป็นเพียง 0.5% แทนที่จะเป็น 0.75% หรือไม่ แต่เน้นว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป เพราะหากต้องการลดอัตราเงินเฟ้อ เฟดยังต้องคงรักษาอัตราดอกเบี้ยสูงให้พอที่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในบางครั้ง และความคิดเกี่ยวกับการระงับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยยังถือที่เป็นเรื่องที่เร็วเกินไป เพราะขณะนี้แรงกดดันจากปัญหาเงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับสูง
พาวเวลล์ยังตอบคำถามผู้สื่อข่าวถึงโอกาสที่เศรษฐกิจสหรัฐจะสามารถลงจอดได้อย่างนุ่มนวล ว่ามีโอกาสเพียงจำกัดเท่านั้น แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ โดยเขาระบุว่าสาเหตุหลักมาจากเงินเฟ้อที่ไม่ปรับลดลงรวดเร็วอย่างที่เฟดคาดหวัง
การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดของเฟดยิ่งสร้างความวิตกกังวลมากขึ้นว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจประสบภาวะถดถอย แม้ว่ารัฐบาลจะรายงานว่าเศรษฐกิจสหรัฐไตรมาสที่แล้วขยายตัว และอัตราการจ้างงานยังคงเติบโตอย่างมั่นคง แต่ตลาดอสังหาริมทรัพย์ยังมีปัญหารวมถึงผู้บริโภคแทบจะไม่เพิ่มการใช้จ่าย
อย่างไรก็ดีการที่ตลาดแรงงานยังคงมีสัญญาณที่แข็งแกร่ง อาจทำให้การควบคุมเงินเฟ้อทำได้ยากขึ้น เนื่องจากรัฐบาลระบุในสัปดาห์นี้ว่าการประกาศรับสมัครตำแหน่งงานใหม่ในเดือนกันยายนมากกว่าเดือนสิงหาคม ขณะที่บริษัทต่างๆยังเพิ่มอัตราการจ้างงานในเดือนตุลาคมสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ ซึ่งหมายความว่านายจ้างมีแนวโน้มที่จะขึ้นเงินเดือนต่อไปเพื่อดึงดูดและรักษาคนงานไว้ และค่าแรงที่สูงดังกล่าวจะถูกส่งผ่านไปยังผู้บริโภคในรูปแบบของราคาที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งจะทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงขึ้นตามมาด้วย
ขณะที่เป้าหมายของเฟดที่จะปรับลดอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐให้อยู่ที่ระดับเพียง 2% ยังดูเป็นเรื่องที่ห่างไกลและยากที่จะบรรลุผลสำเร็จได้ในเร็ววัน โดยอัตราเงินเฟ้อในเดือนกันยายนของสหรัฐอยู่ที่ 8.2% ซึ่งถือว่าสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
หลังการประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวของเฟด ตลาดหลักทรัพย์สหรัฐปรับตัวลดลงทันที โดยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลดลงกว่า 505.44 จุด หรือลดลง 1.55% ปิดที่ 32,147.76 จุด ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 2.50% หรือ 96.41 จุด มาปิดที่ 3,759.69 จุด เช่นเดียวกับดัชนี Nasdaq ที่ปรับลดลง 3.36% หรือ 366.05 จุด ปิดที่ 10,524.80 จุด
