นับเป็นเวลา 21 ปีมาแล้ว ที่กระทรวงการต่างประเทศได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ให้อัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวายในวัดพุทธศาสนา ณ ประเทศเพื่อนบ้านและประเทศข้างเคียงเป็นประจำทุกปี จากเพียงไม่กี่ประเทศเมื่อเริ่มต้นจนกลายเป็น 10 ประเทศในปัจจุบัน และไม่ว่าจะไปจัดงานในที่ใด กฐินพระราชทานจากพระมหากษัตริย์ไทยจะได้รับการตอบรับด้วยดีทั้งจากรัฐบาลของประเทศนั้นๆ พระสงฆ์องค์เจ้า ไปจนถึงสมเด็จพระสังฆราช ตลอดจนชาวบ้านในและนอกพื้นที่ ที่ต่างก็มาร่วมงานและร่วมกันทำบุญด้วยความปีติยินดีในฐานะที่เป็นพุทธศาสนิกชนเช่นเดียวกัน
ปีนี้นับเป็นครั้งสุดท้ายของการอัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานในรัชกาลที่ 9 ไปทอดถวายยังวัดพุทธในต่างแดน เริ่มจากคณะของ นายชัยสิริ อนะมาน ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ที่เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนไทย อัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานพร้อมด้วยบริวารชุดแรกไปทอดถวาย ณ วัดพระหยกหินขาวบ้านแปนเมืองหน หรือวัดม่านเปียน ที่เขตปกครองตนเองชนชาติไทลื้อ สิบสองปันนา มณฑลยูนนาน ประเทศจีน เมื่อวันที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา
ทันทีที่เดินทางถึงวัด คณะผู้แทนไทยก็หัวใจพองโต เพราะได้เห็นประจักษ์ว่าแม้แดดจะร้อนเพียงใด ชาวบ้านในสิบสองปันนาก็ยังมายืนเรียงรายรอรับตลอดสองข้างทางเดินขึ้นไปยังวัดที่อยู่บนเนินเขา บ้างก็พนมมือท่วมหัว บ้างก็พยายามใช้มือถือเก็บภาพการอัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไว้เป็นที่ระลึก ชาวบ้านมากมายกว่า 3,000 คน ทั้งใน อ.เหมิงห่ายและพื้นที่ใกล้เคียงที่มาร่วมงานต่างก็แต่งตัวสวยงามตามประเพณีท้องถิ่นมานั่งรอร่วมพิธีอยู่คลาคล่ำรายรอบอุโบสถวัดพระหยกฯ ด้วยความเป็นระเบียบเรียบร้อย
หลังท่านที่ปรึกษาชัยสิริอัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานวนรอบอุโบสถ 3 รอบ ก็เข้ามาประกอบพิธีทอดถวายผ้าพระกฐินพระราชทานภายในอุโบสถ ซึ่งพิธีเป็นไปอย่างเรียบง่ายแต่สมพระเกียรติ ทางวัดพระหยกฯได้เชิญพระสงฆ์จากวัดข้างเคียงมาร่วมพิธีถึง 89 รูป ตามพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทั้งที่ทางวัดมีพระจำพรรษาอยู่ไม่ถึง 10 รูป เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลในงานบุญสำคัญครั้งสุดท้ายที่ชาวสิบสองปันนาจะได้มีส่วนร่วม โดยมียอดเงินทำบุญกฐินรวม 422,295 บาท
ท่านที่ปรึกษาชัยสิริกล่าวว่า ประทับใจอย่างมากตั้งแต่เมื่อลงจากรถ เพราะเห็นถึงความพร้อมเพรียงในการแต่งตัวมาวัดอย่างงดงาม โปรยข้าวตอกดอกไม้ต้อนรับ เห็นถึงความรู้สึกผูกพันของชาวไทลื้อ ความศรัทธา และความเคารพที่มีต่อพระมหากษัตริย์ไทยอย่างเต็มเปี่ยม นับเป็นเกียรติสูงสุดสำหรับตนและคณะที่ได้มีโอกาสมาร่วมงานบุญเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ณ วัดพระหยกฯ ซึ่งเป็นวัดพุทธเถรวาทที่เก่าแก่ มีประวัติความเป็นมายาวนานร่วม 648 ปี ศูนย์กลางของชุมชนในพื้นที่ เป็นสถานที่ศึกษาธรรมะและสถานที่ประกอบศาสนพิธีในวันสำคัญของชาวไทยลื้อท้องถิ่น จึงหวังว่าการประกอบกิจกรรมซึ่งเป็นการทำนุบำรุงพุทธศาสนาจะช่วยเกื้อหนุนมิตรภาพของไทย-จีนให้ยั่งยืนตลอดไป
ด้าน นายหม่า ลี่หย่ง หัวหน้าฝ่ายแนวร่วมของพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำเขตสิบสองปันนา ผู้แทนระดับสูงของรัฐบาลจีนที่มาร่วมงานกล่าวว่า แม้พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชจะเสด็จสวรรคตไปแล้ว แต่ก็ยังรู้สึกเป็นเกียรติอย่างสูงที่คณะผู้แทนไทยได้มาทอดถวายผ้าพระกฐินพระราชทานที่วัดพระหยกฯ ซึ่งถือเป็นงานที่ยิ่งใหญ่ครั้งหนึ่งของพระพุทธศาสนาในสิบสองปันนา และแสดงให้เห็นถึงมิตรภาพระหว่างประชาชนชาวจีน-ไทยที่สืบทอดมาเป็นเวลาช้านาน ในนามของคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนและรัฐบาลสิบสองปันนา ขอขอบพระคุณในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์
นายหม่า ลี่หย่ง กล่าวด้วยว่า สิบสองปันนาอยู่ใกล้กับไทย และมีความสัมพันธ์ฉันมิตรกันมายาวนาน วัฒนธรรมประเพณีระหว่างชาวไทยกับชาวไทลื้อสิบสองปันนาคล้ายคลึงกัน นับถือพุทธศาสนาร่วมกัน ประชาชนสองประเทศไว้เนื้อเชื่อใจและสนับสนุนซึ่งกันและกัน มีความร่วมมือแลกเปลี่ยนกันในทุกด้าน โดยเฉพาะความร่วมมือด้านพุทธศาสนาและวัฒนธรรม ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น การทอดถวายผ้าพระกฐินพระราชทานทุกครั้งนำมาซึ่งความเป็นมิตรของพระองค์และประชาชนชาวไทยมาสู่ประชาชนสิบสองปันนา และได้รับความสำคัญจากผู้นำระดับต่างๆ ของจีนมาโดยตลอด พระองค์จะสถิตอยู่ในใจของประชาชนสิบสองปันนาตลอดไป
ด้าน นายพรภพ อ่วมพิทยา กงสุลใหญ่ ณ นครคุนหมิง ที่แม้จะเพิ่งได้มาร่วมงานทอดถวายผ้าพระกฐินพระราชทานเป็นครั้งแรกเพราะเพิ่งรับตำแหน่งไม่นานนักก็ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า กระทรวงการต่างประเทศได้อัญเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานมาทอดถวายที่จีนปีนี้เป็นปีที่ 14 แล้ว และเป็นกิจกรรมที่มีส่วนสำคัญยิ่งต่อการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับยูนนานให้แนบแน่นยิ่งขึ้น โดยเฉพาะระหว่างชาวไทลื้อในสิบสองปันนากับชาวไทยในจังหวัดทางภาคเหนือที่มีความใกล้ชิดสัมพันธ์กันฉันเครือญาติ ชาติ ภาษา และขนบธรรมเนียมประเพณี อีกทั้งยังมีพุทธศาสนาเป็นรากฐานในวิถีชีวิตเช่นเดียวกัน
“สิ่งที่ได้เห็นเมื่อเดินทางมาถึงวัด และการต้อนรับของชาวไทลื้อที่ทำกันอย่างเต็มที่ ทำให้รู้สึกตื่นเต้นและซาบซึ้งใจอย่างยิ่ง และยังเห็นได้ว่าพวกเขาต่างมีความซาบซึ้งเมื่อพูดถึงพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช” นายพรภพกล่าว
ก่อนหน้าวันงานถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน พระสงฆ์ในวัดพระหยกฯ พร้อมกับชาวบ้านในพื้นที่ได้ร่วมกันสวดมนต์เย็นที่วัดทุกวันเป็นเวลา 3 วัน เพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ขณะที่ท่านที่ปรึกษาชัยสิริยังได้นำคณะเข้าสักการะพระสมเด็จหลวงจอมเมือง วณฺณสิริ ราชาคณะสงฆ์ในสิบสองปันนา เจ้าอาวาสวัดป่าเชต์ และรองประธานพุทธสมาคมแห่งประเทศจีน ทำให้ได้ทราบว่าหลังเสด็จสวรรคตวัดพุทธเถรวาทในสิบสองปันนายังได้ร่วมกันสวดมนต์เพื่อรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงทำนุบำรุงพุทธศาสนาในจีนอีกด้วย
แม้การทอดถวายผ้าพระกฐินพระราชทาน ณ วัดพระหยกฯในครั้งนี้จะเป็นกฐินพระราชทานสุดท้ายในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช แต่เชื่อว่าสายใยแห่งความผูกพันของพุทธศาสนา และพุทธศาสนิกชนชาวไทย-จีนที่พระองค์มีส่วนช่วยถักทอจะยังคงทอดยาวต่อไป เฉกเช่นเดียวกับคุณงามความดีของพระองค์ที่จะขจรขจายและฝังแน่นอยู่ในใจของผู้คนทั้งสองชาติสืบไปไม่รู้คลาย
