| ที่มา | นสพ.มติชนรายวัน |
|---|---|
| ผู้เขียน | เสกขภูมิ วรรณปก |
| เผยแพร่ |
ซากีร์ ข่าน วัย 42 ปี ชาวนาชาวอินเดียในรัฐอุตตรประเทศ ควรจะได้หว่านพืชผลในช่วงฤดูหนาวของตนแล้วในตอนนี้ แต่เขากลับต้องแกร่วอยู่ที่บ้านหลังการตัดสินใจอันน่าตกตะลึงของรัฐบาลอินเดียที่ยกเลิกการใช้ธนบัตรมูลค่าสูง นั่นคือใบละ 500 และ 1,000 รูปี ทำให้เขาไม่มีเงินซื้อเมล็ดพันธุ์ และไม่มีแม้กระทั่งเงินที่จะมาซื้ออาหารเลี้ยงครอบครัว
ข่านก็เหมือนกับชาวอินเดียในชนบทอีกหลายล้านที่อยู่ห่างจากธนาคารและพึ่งพาการใช้เงินสดในการซื้ออาหาร เมล็ดพันธุ์พืชและปุ๋ย แต่ธนบัตรที่เขามีอยู่ส่วนมากไม่มีค่าในตอนนี้ เว้นเสียแต่ว่าเขาจะสามารถนำไปแลกเป็นธนบัตรใหม่ที่ธนาคารในท้องถิ่น ซึ่งหลายๆ แห่งก็ยังไม่มีให้แลก
รัฐบาลอินเดียขอร้องให้พลเมืองของตนอดทนกับสิ่งที่เรียกว่า “ความไม่สะดวกสบายระยะสั้น” เมื่อทางการประกาศมาตรการที่จะเพิกถอนเงินสดออกจากระบบ 85 เปอร์เซ็นต์เพื่อแก้ปัญหาการหลีกเลี่ยงภาษี
แต่สำหรับข่านที่เหลือเงินสดที่สามารถใช้จ่ายได้เพียง 80 รูปี (ราว 40 บาท) และไม่มีอาหารเหลืออยู่ที่บ้านเลย เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเพียงแค่ความไม่สะดวกสบาย
“รัฐบาลบอกว่าความยากลำบากนี้เป็นเรื่องชั่วคราว แต่หากเราไม่สามารถหว่านพืชผลในเดือนนี้ได้ ปีหน้าเราก็จะไม่มีอะไรกิน” ข่านบอก
มีการเข้าแถวยาวเหยียดที่ด้านหน้าธนาคารและตู้เอทีเอ็มในหลายเมืองทั่วประเทศ จากการที่ผู้คนพยายามนำธนบัตรเก่าที่ใช้ไม่ได้แล้วมาแลกเป็นของใหม่ ขณะที่คนอีกจำนวนไม่น้อยพยายามทำรายการแลกเปลี่ยนผ่านทางออนไลน์
อย่างไรก็ตาม ในพื้นที่ชนบทห่างไกลอย่างบ้านของข่าน ไม่สามารถทำอย่างไหนได้เลย
และสำหรับชาวนาแล้ว ราคาพืชผลยังร่วงลงอีกเนื่องจากการขาดเงินในระบบทำให้ความต้องการสินค้า แม้กระทั่งอาหารหลักก็ยังลดลงด้วย โดยพ่อค้าที่ตลาดค้าส่งในเดลีระบุว่า ปริมาณการซื้อขายที่ตลาดลดลงมากถึง 50 เปอร์เซ็นต์
ในความพยายามแก้ปัญหาดังกล่าว รัฐบาลอินเดียประกาศเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า จะเพิ่มเครือข่ายเอทีเอ็มเคลื่อนที่ติดตั้งในรถตู้ออกให้บริการ และส่งตัวแทนของธนาคารออกไปพบกับผู้คนในชุมชนห่างไกล
อย่างไรก็ตาม โมฮัมหมัด อิมราน ที่ทำงานเป็นตัวแทนของธนาคารในหมู่บ้านที่มีประชากร 4,000 คน ระบุว่า เขายังไม่ได้รับเงินที่จะนำไปให้ชาวบ้านแลกเลยนับตั้งแต่ทางการประกาศมาตรการดังกล่าวเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน ทำได้อย่างมากก็แค่นำธนบัตรเก่าของประชาชนมาฝากไว้ในธนาคาร แต่ก็ยังไม่สามารถถอนเงินออกมาใช้ได้อยู่ดี
รัฐบาลระบุว่า การตัดสินใจใช้มาตรการดังกล่าวนี้ จุดประสงค์เพื่อนำเงินหลายพันล้านกลับเข้าสู่ระบบและเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจในท้ายที่สุด
เหตุผลดังกล่าวได้รับเสียงตอบรับในทางบวกในพื้นที่ชนบทหลายแห่งที่ความไม่พอใจต่อการหลบเลี่ยงภาษีคุกรุ่นอย่างรุนแรง โดยคนจำนวนมากระบุว่า พร้อมยอมรับความยากลำบากเพื่อแก้ปัญหานี้
มีคนอินเดียเพียง 6 คน ที่มีรายได้มากกว่า 500 ล้านรูปี และยื่นเสียภาษีเมื่อปี 2555-56 ทั้งที่ข้อมูลล่าสุดระบุว่า คาดว่าน่าจะมีชาวอินเดีย 2,100 คน ที่มีรายได้มากกว่า 50 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3,400 ล้านรูปี)
อย่างไรก็ตาม มีจำนวนไม่น้อยเช่นกันที่บอกว่ารัฐบาลไม่รอบคอบเพียงพอและหุนหันพลันแล่นมากเกินไปในการตัดสินใจครั้งนี้ ทำให้ความยากลำบากตกอยู่กับผู้คนจำนวนมาก
