เพนตากอนชี้ ‘คลังแสงนิวเคลียร์จีน’ เพิ่มกว่า 3 เท่าในอีก 13 ปี
กระทรวงกลาโหมสหรัฐอเมริการะบุในรายงานที่เพิ่งถูกเผยแพร่ว่า คลังแสงนิวเคลียร์ของจีนมีแนวโน้มที่จะเพิ่มหัวรบนิวเคลียร์มากขึ้นเป็น 3 เท่า หรือเพิ่มเป็น 1,500 หัวรบ ภายในปี 2578 หรืออีก 13 ปีหลังจากนี้ ทั้งยังเน้นย้ำถึงความซับซ้อนที่เพิ่มมากขึ้นของกองทัพอากาศจีนอีกด้วย
สหรัฐระบุว่า จีนเป็นความท้าทายที่เกิดขึ้นมากที่สุดต่อสหรัฐ โดยรายงานประจำปีของกระทรวงกลาโหมสหรัฐเกี่ยวกับกองทัพจีน ได้เน้นย้ำถึงการพัฒนาของจีนทั้งในส่วนของกองกำลังนิวเคลียร์และกองกำลังแบบดั้งเดิม
รายงานของกระทรวงกลาโหมสหรัฐประเมินว่า คลังหัวรบนิวเคลียร์ของจีนในขณะนี้มีมากกว่า 400 หัวรบ และหากจีนยังคงเดินหน้าขยายแสนยานุภาพทางนิวเคลียร์ของตนเองต่อไป จีนน่าจะสามารถครอบครองหัวรบนิวเคลียร์ได้ราว 1,500 หัวรบ ภายในปี 2578
กระทรวงกลาโหมสหรัฐยังระบุด้วยว่า จีนอาจตั้งใจที่จะพัฒนาหัวรบนิวเคลียร์และแท่นยิงนิวเคลียร์รุ่นใหม่ที่มีประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ และความสามารถเท่าเทียมกับที่สหรัฐและรัสเซียกำลังพัฒนาอยู่อีกด้วย
พลจัตวาแพท ไรเดอร์ โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐ กล่าวว่า การเพิ่มขึ้นของคลังแสงนิวเคลียร์ของจีนเป็นสาเหตุของความไร้เสถียรภาพ ยิ่งจีนเพิ่มหัวรบนิวเคียร์ได้มากขึ้นเท่าไหร่ ความน่าวิตกกังวลก็จะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น และจะยิ่งสั่นคลอนภูมิภาคเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย
รายงานของกระทรวงกลาโหมสหรัฐชี้ว่า ปักกิ่งกำลังปรับปรุงคลังแสงขีปนาวุธของประเทศให้ทันสมัย โดยในปี 2564 มีการทดสอบขีปนาวุธราว 135 ลูก ซึ่งมากกว่าส่วนอื่นๆ ของโลกรวมกัน แม้แต่ในส่วนที่มีการยิงกันในพื้นที่ขัดแย้งก็ตาม นอกจากนี้ จีนยังพัฒนาขีปนาวุธข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) ชนิดใหม่ ซึ่งจะเสริมกับการพัฒนาศักยภาพด้านนิวเคลียร์ของจีนอย่างมีนัยสำคัญ
กระทรวงกลาโหมสหรัฐยังพุ่งเป้าไปที่วิธีการใช้กำลังทหารของจีนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก โดยระบุว่าจีนได้กระทำการอันเป็นการบีบบังคับและก้าวร้าวมากขึ้น ตลอดปี 2564 ไปจนถึงปี 2565 เรือและเครื่องบินของจีน ได้แสดงพฤติกรรมที่ไม่ปลอดภัยและไม่เป็นมืออาชีพเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเสี่ยงต่อการเกิดเหตุการณ์หรืออุบัติเหตุครั้งใหญ่ โดยกองทัพจีนได้เพิ่มการกระทำที่ยั่วยุและการทำให้เกิดความมั่นคงรอบๆ เกาะไต้หวัน ซึ่งกระทรวงกลาโหมสหรัฐระบุว่า เป็นเกาะที่ปกครองตนเองตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งจีนอ้างว่าเป็นส่วนหนึ่งของจีน
