‘ยูเอ็นเอชซีอาร์’แฉ พม่าตั้งเป้าล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮีนจาให้หมดประเทศ

AFP PHOTO / SAM JAHAN

นายจอห์น แมคคิสซิค ผู้อำนวยการสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอชซีอาร์) ในบังกลาเทศ เปิดเผยเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนว่า พม่ากำลังดำเนินการล้างเผ่าพันธุ์ชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมโรฮีนจา โดยใช้วิธีการที่น่าตกใจทั้งรุมข่มขืน ทารุณกรรมและเข่นฆ่าสังหาร จากการเปิดเผยของเหยื่อหลายพันคนที่หลบหนีข้ามพรมแดนมายังฝั่งบังกลาเทศได้สำเร็จ

ยูเอ็นเอชซีอาร์เปิดเผยว่า มีชาวโรฮีนจาที่ละทิ้งที่อยู่อาศัยในพม่าเพื่อหลบหนีจากความรุนแรงดังกล่าวแล้วมากถึงราว 30,000 คน หลังจากที่พม่าส่งทหารเข้ามายังชุมชนของชาวโรฮีนจาบริเวณชายแดนที่ติดกับบังกลาเทศ

นายแมคคิสซิคที่ประจำอยู่ที่สำนักงานของยูเอ็นเอชซีอาร์ในค็อกซ์บาซาร์ เมืองชายแดนบังกลาเทศเปิดเผยกับบีบีซีว่า ทหารพม่ายิงสังหารผู้ชายและเด็ก ข่มขืนผู้หญิง เผาทำลายบ้านเรือนและปล้นชิงทรัพย์สิน บีบบังคับให้ชาวโรฮีนจาต้องหนีข้ามแม่น้ำมายังฝั่งบังกลาเทศ

ข่าวระบุว่าทางการบังกลาเทศได้ขัดขืนต่อเสียงเรียกร้องของประชาคมนานาชาติให้เปิดชายแดนเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตด้านมนุษยธรรมฉุกเฉิน แถมยังบอกพม่าด้วยว่าจะใช้มาตรการที่เข้มข้นยิ่งขึ้นเพื่อป้องกันไม่ให้ชาวโรฮีนจาหลบหนีเข้ามาในบังกลาเทศได้ รวมถึงได้เรียกทูตพม่าประจำบังกลาเทศเข้าพบเพื่อแสดงออกถึงความกังวลเป็นอย่างยิ่งในเรื่องนี้เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

Advertisement

นายแมคคิสซิคเปิดเผยว่า “เป็นเรื่องยากสำหรับรัฐบาลบังกลาเทศที่จะให้บอกว่าชายแดนเปิดอยู่เนื่องจากจะยิ่งทำให้รัฐบาลพม่าเดินหน้าก่อเหตุด้วยความรุนแรงมากขึ้นอีกเพื่อผลักดันชาวโรฮีนจาออกไปจนกว่าจะบรรลุเป้าหมายสูงสุดที่ต้องการล้างเผ่าพันธุ์ชาวโรฮีนจาออกไปให้หมดจากพม่า”

ด้านนายจ่อ ฮเตย์ โฆษกของนายติน จ่อ ประธานาธิบดีพม่า กล่าวโจมตีการแสดงความคิดเห็นดังกล่าวโดยระบุว่า “ผมต้องการจะตั้งคำถามถึงความเป็นมืออาชีพและจริยธรรมซึ่งต้องได้รับการเคารพและปฏิบัติโดยเจ้าหน้าที่ยูเอ็น เขาควรจะต้องพูดโดยตั้งอยู่บนข้อเท็จจริงและมีหลักฐานที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมรองรับ ไม่ควรกล่าวหากันแบบนี้”

อย่างไรก็ตาม ข่าวระบุว่าไม่ใช่ครั้งแรกที่มีการกล่าวหาพม่าในเรื่องนี้ เมื่อเดือนเมษายน 2556 องค์การสิทธิมนุษชนฮิวแมนไรท์วอทช์ระบุว่า พม่าได้ใช้มาตรการล้างเผ่าพันธุ์ชนกลุ่มน้อยโรฮีนจา ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่ เต็ง เส่ง ประธานาธิบดีพม่าในขณะนั้นปฏิเสธโดยระบุว่าเป็น การใส่ร้ายป้ายสี

Advertisement

ขณะที่ข้อกล่าวหาในเหตุการณ์ล่าสุดนี้ได้รับการเปิดเผยจากปากคำของเหยื่อผู้ประสบเหตุ หนึ่งในนั้นคือนายโมฮัมเหม็ด นายาซที่หนีรอดมาได้พร้อมกับลูกชายวัย 2 ขวบ

นายนายาซเปิดเผยว่า ทหารพม่าบุกเข้ามาในหมู่บ้านและสังหารผู้คนไปอย่างน้อย 300 รายซึ่งรวมถึงภรรยาของเขาวัย 25 ปีที่กำลังตั้งครรภ์ได้ 7 เดือน และได้ข่มขืนผู้หญิงหลายคน จุดไฟเผาบ้านเรือนกว่า 300 หลัง ร้านค้าหลายแห่งรวมถึงมัสยิดของชาวมุสลิมในชุมชน

นายนายาซเปิดเผยว่าเขาต้องขายนาฬิกาข้อมือและรองเท้าเพื่อจ่ายเป็นค่าเดินทางด้วยเรือมายังค่ายผู้ลี้ภัยของยูเอ็นในฝั่งบังกลาเทศ

ขณะที่เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ฮิวแมนไรท์วอทช์เพิ่งจะเผยหลักฐานที่เป็นภาพถ่ายดาวเทียมแสดงให้เห็นว่า บ้านเรือนของชาวโรฮีนจามากกว่า 1,000 หลังทางตะวันตกเฉียงเหนือของพม่าถูกเผาทำลายราบคาบ ซึ่งกองทัพพม่าปฏิเสธว่าไม่ได้ทำ และโทษว่าเป็นฝีมือของชาวโรฮีนจาเอง

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image