สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน สหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประณามสถานการณ์ในอเลปโป เมืองใหญ่อันดับ 2 ของซีเรียที่พลเรือนต้องทนทุกข์ทรมานเสมือนตกอยู่ในนรก ขณะที่นักการทูตหลายรายระบุว่า คณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็นเตรียมเรียกประชุมฉุกเฉินที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ในวันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ตามเวลาท้องถิ่น เรื่องวิกฤตมนุษยธรรมในอเลปโป ซึ่งกองทัพของรัฐบาลซีเรียสามารถยึดพื้นที่ที่กลุ่มกบฏครอบครองไว้กลับคืนไปได้ราว 1 ใน 3 ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
การสู้รบในพื้นที่ส่งผลให้เกิดการอพยพหนีภัยของพลเมืองจำนวนมากที่หวาดกลัว โดยส่วนหนึ่งหนีเข้าไปยังพื้นที่ที่กลุ่มกบฏยังครอบครองอยู่โดยที่ไม่มีอะไรติดตัวไปเลย ขณะที่คณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ไอซีอาร์ซี) ระบุว่า มีผู้คนเกือบ 20,000 คนที่ต้องหลบหนีการโจมตีเข้าใส่เมืองอเลปโปของรัฐบาลซีเรียในช่วง 72 ชั่วโมงที่ผ่านมา
คริสตา อาร์มสตรอง โฆษกหญิงของไอซีอาร์ซี ระบุว่า ตัวเลขดังกล่าวเป็นเพียงการประเมิน และสถานการณ์ยังผันผวนอยู่ตลอดเวลา โดยผู้คนต่างอพยพหลบหนีอย่างกระจัดกระจายไปในทิศทางต่างๆ กัน ด้านเบตตินา ลุชเชอร์ โฆษกหญิงของโครงการอาหารโลก (ดับเบิลยูเอฟพี) ของยูเอ็น ระบุว่า พลเรือนต้องประสบกับ “การตกนรกแบบสโลว์โมชั่น” ขณะที่นายฟรองซัวส์ เดอลาตเตรอ ทูตฝรั่งเศสประจำยูเอ็นระบุว่า ฝรั่งเศสและชาติพันธมิตรไม่สามารถนิ่งเฉยอยู่ได้ในการเผชิญหน้ากับเรื่องที่อาจจะเป็นหนึ่งในการสังหารหมู่พลเรือนครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา
องค์การสังเกตการณ์สิทธิมนุษยชนซีเรียระบุว่า มีพลเรือนมากกว่า 250 รายที่เสียชีวิตจากการสู้รบในอเลปโปตั้งแต่เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ขณะที่องค์การนิรโทษกรรมสากลเรียกร้องให้ทางการซีเรียปกป้องพลเรือนในพื้นที่ที่ยึดคืนมาได้
ทั้งนี้ ภาคตะวันออกของอเลปโปตกอยู่ภายใต้การโอบล้อมของรัฐบาลซีเรียมานานกว่า 4 เดือนแล้ว โดยสิ่งของบรรเทาทุกข์ที่เป็นความช่วยเหลือจากนานาชาติเริ่มร่อยหรอและอาหารเริ่มขาดแคลน แต่กองทัพรัฐบาลได้รุกคืบอย่างรวดเร็วในปฏิบัติการล่าสุดที่เริ่มต้นเมื่อ 2 สัปดาห์ที่แล้ว โดยสามารถยึดพื้นที่ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของอเลปโปคืนได้ทั้งหมด นับเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ที่สุดของกองทัพฝ่ายต่อต้านรัฐบาลซีเรียตั้งแต่เกิดวิกฤตความขัดแย้งที่ยืดเยื้อมายาวนานกว่า 5 ปี
ฝ่ายกบฏสูญเสียพื้นที่ยึดครองไปอย่างต่อเนื่อง ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาหลังรัฐบาลซีเรียได้รับการสนับสนุนจากกองทัพรัสเซียตั้งแต่เดือนกันยายน 2558 ด้านทางการรัสเซียออกมาปฏิเสธว่าไม่มีส่วนร่วมกับการบุกยึดอเลปโป
