สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 2 ธันวาคมว่า สำนักข่าวกลางเกาหลี (เคซีเอ็นเอ) ของเกาหลีเหนือรายงานว่า นาย คิมจอง อึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ สั่งให้มีการฝึกซ้อมรบที่จำลองสถานการณ์การโจมตีกรุงโซล เมืองหลวงของเกาหลีใต้และเป้าหมายอื่นๆ โดยมีหน่วยปืนใหญ่แนวหน้าพุ่งเป้าโจมตีเกาะชายแดนของเกาหลีใต้ 5 แห่งรวมถึงหน่วยงานในการบัญชาการในกรุงโซล และเมืองอื่นๆ เมื่อวันที่ 1 ธันวาคมที่ผ่านมา
“หากเกิดสงครามขึ้น การโจมตีอย่างรุนแรงเช่นนี้จะสร้างความเสียหายให้กับกองทัพเกาหลีใต้จนทำลายความตั้งใจที่จะตอบโต้ของของพวกนั้นหมดสิ้น และเราจะกวาดล้างพวกเขาออกไปได้อย่างรวดเร็ว” นายคิมกล่าว และว่า “จะไม่มีใครสามารถรอดชีวิตได้”
วันเดียวกัน รอยเตอร์รายงานว่า เกาหลีใต้และญี่ปุ่นเปิดเผยว่า จะใช้มาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวต่อเกาหลีเหนือเป็นการตอบโต้ในเรื่องโครงการนิวเคลียร์และขีปนาวุธ หลังจากที่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ผ่านข้อมติคว่ำบาตรเกาหลีเหนือรอบใหม่เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
เกาหลีเหนือปฏิเสธข้อมติยูเอ็นที่พุ่งเป้าในการลดรายได้จากการส่งออกของเกาหลีเหนือประจำปีลง 1 ใน 4 หลังการทดลองนิวเคลียร์ครั้งที่ 5 ซึ่งเป็นครั้งใหญ่ที่สุดเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา โดยระบุว่าเป็นการสมคบคิดที่จะปฏิเสธอำนาจอธิปไตยของเกาหลีเหนือที่มีสหรัฐอเมริกาอยู่เบื้องหลัง
ทั้งญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ต่างมีมาตรการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวต่อเกาหลีเหนือที่บังคับใช้อยู่แล้ว โดยเกาหลีใต้แถลงว่า มาตรการคว่ำบาตรที่ขยายวงออกไปจะขึ้นบัญชีดำเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเกาหลีเหนือ ซึ่งรวมถึงนายโช รยอง แฮและนายฮวาง พยอง โซ 2 ผู้ช่วยที่ใกล้ชิดที่สุดของนายคิม อนึ่ง นายฮวางที่ได้รับการระบุว่า เป็นเจ้าหน้าที่ผู้ทรงอำนาจอิทธิพลมากที่สุดเป็นอันดับ 2 นอกตระกูลคิมมีชื่ออยู่ในบัญชีดำของกระทรวงการคลังสหรัฐอยู่แล้ว
เกาหลีใต้ยังระบุว่า จะห้ามผู้เชี่ยวชาญด้านมิสไซล์และอาวุธนิวเคลียร์เข้าประเทศ หากคนเหล่านี้เคยเดินทางไปยังเกาหลีเหนือและมีแนวโน้มว่าจะเป็นภัยคุกคามต่อผลประโยชน์แห่งชาติของเกาหลีใต้
ขณะที่นายโยชิฮิเดะ สุงะ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น เปิดเผยว่าจะเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อเกาหลีเหนือซึ่งรวมถึง ห้ามเรือทุกลำที่เคยจอดเทียบท่าในเกาหลีเหนือเข้าญี่ปุ่น และอายัดทรัพย์สินของกลุ่มและบุคคลที่มีความเชื่อมโยงกับโครงการนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือเป็นวงกว้างมากขึ้น
