สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ สายการบินทั่วโลกออกมาตอบโต้ข้อกล่าวหาว่า ค้ากำไรเกินควรจากการที่ราคาน้ำมันต่ำ หลังมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์อีกรอบในเรื่องค่าตั๋วเครื่องบินที่ไม่ได้ถูกปรับลดลงตามราคาเชื้อเพลิงที่ร่วงต่ำ
นายโทนี ไทเลอร์ ผู้อำนวยการสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (ไออาตา) กล่าวต่อบรรดาผู้บริหารสายการบินต่างๆ และหน่วยงานควบคุมดูแลด้านการบินในงานสิงคโปร์แอร์โชว์ว่า ความสามารถในการทำกำไรของอุตสาหกรรมการบินยังคงเปราะบาง แม้จะมีการคาดการณ์ว่าปีนี้จะสามารถทำกำไรได้มากเป็นประวัติการณ์ที่ 36,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
“แน่นอนว่า ราคาน้ำมันต่ำมีส่วนช่วยมากทีเดียว แต่ผลกระทบนั้นไม่ได้เกิดขึ้นในทันที และน้อยมากในหลายๆ ส่วนของโลก เนื่องจากมีการหลีกเลี่ยงความเสี่ยงด้วยการทำสัญญาซื้อน้ำมันเชื้อเพลิงล่วงหน้าที่ราคาสูงกว่าราคาตลาดในปัจจุบัน รวมถึงผลกระทบจากการแข็งค่าขึ้นของเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับสกุลเงินท้องถิ่น
บรรดานักการเมืองเและองค์กรคุ้มครองผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาและยุโรปเรียกร้องให้สายการบินปรับลดราคาค่าตั๋วโดยสารลงจากการที่ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ร่วงลงจาก 114 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเมื่อช่วงกลางปี 2557 มาอยู่ที่ราว 30 ดอลลาร์ในปัจจุบัน
เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ นายเกรแฮม สตริงเกอร์ สมาชิกคณะกรรมาธิการด้านการขนส่งของรัฐสภาอังกฤษ กล่าวกับหนังสือพิมพ์ซันเดย์เทเลกราฟว่า สายการบินกำลังหาผลประโยชน์กับผู้โดยสารจากความล้มเหลวที่จะให้บริการในราคาที่ถูกลง
อย่างไรก็ตาม นายไทเลอร์ตอบโต้ว่า เป็นเรื่องไร้สาระที่ว่าสายการบินกำลังค้ากำไรเกินควร โดยกล่าวว่า “ขณะที่เชื้อเพลิงยังคงเป็นองค์ประกอบสำคัญในต้นทุนของสายการบิน แต่ยังคงมีอีกมากมายหลายเรื่องที่ไม่ได้เกี่ยวข้อง ดังนั้นการที่คาดหวังว่าราคาค่าโดยสารจะต้องลดลงเพราะราคาน้ำมันถูกลงเป็นเรื่องที่ไม่สมเหตุสมผลอย่างสิ้นเชิง”
นายไทเลอร์ยังแสดงความกังวลต่อสถานะของสายการบินหลายแห่งในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีการแข่งขันของสายการบินต้นทุนต่ำจำนวนมาก ที่แม้ราคาเชื้อเพลิงจะถูกลง แต่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 20 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับสกุลเงินท้องถิ่นในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา
