ไบเดนชี้รัสเซียผิดพลาดครั้งใหญ่ หลังระงับสนธิสัญญานิวสตาร์ท เชื่อปูตินยังไม่คิดใช้อาวุธนิวเคลียร์
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ระบุว่า การตัดสินใจระงับการเข้าร่วมสนธิสัญญานิว สตาร์ท ซึ่งเป็นข้อจำกัดคลังอาวุธนิวเคลียร์ทางยุทธศาสตร์ของทั้งสองประเทศ ถือเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ ก่อนเข้าร่วมประชุมกับผู้นำในยุโรปตะวันออก 9 ชาติที่เป็นสมาชิกของกองกำลังสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ในโปแลนด์
ไบเดนยังให้สัมภาษณ์กับเอบีซีนิวส์ว่า เขาไม่มองว่าการตัดสินใจของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่จะระงับสนธิสัญญานิวสตาร์ทเป็นการชั่วคราวจะเป็นสัญญานว่า ปูตินกำลังพิจารณาว่าจะใช้อาวุธนิวเคลียร์
“การทำอย่างนั้นเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ ปราศจากความรับผิดชอบ แต่ผมไม่ได้มองว่าเขาคิดจะใช้อาวุธนิวเคลียร์หรืออะไรทำนองนั้น”ไบเดนกล่าว
เมื่อถูกถามว่าโลกจะปลอดภัยน้อยลงหรือไม่หลังการระงับสนธิสัญญาของรัสเซีย ไบเดนรับว่า เขาคิดว่าเราปลอดภัยน้อยลงเมื่อมีการละทิ้งข้อตกลงควบคุมอาวุธที่เป็นผลประโยชน์สำหรับทั้งสองฝ่ายรวมถึงสำหรับโลกด้วย แต่ไม่มีหลักฐานยืนยันใดๆ ว่าพวกเขาคิดจะใช้อาวุธนิวเคลียร์ หรือขีปนาวุธข้ามทวีป
ขณะที่แถลงการณ์ของผู้นำนาโต 9 ชาติที่เรียกว่าการประชุมสุดยอด NATO Bucharest Nine (B9) แสดงความมุ่งมั่นร่วมกันที่จะเพิ่มการมีทหารของนาโตในภูมิภาคนี้ให้มากยิ่งขึ้น
ปูตินยังได้กล่าวปราศรัยเนื่องในวันผู้พิทักษ์มาตุภูมิแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นวันหยุดประจำปีในวันที่ 23 กุมภาพันธ์ว่า รัสเซียจะยังคงให้ความสนใจเพิ่มขึ้นในการเสริมสร้างกองกำลังนิวเคลียร์ และจะเริ่มส่งมอบขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงที่ยิงจากทะเล Zirkon จำนวนมาก โดยรัสเซียยังจะคงเตรียมติดอาวุธให้กับกองกำลังของตนเองต่อไป รวมถึงจะเพิ่มการผลิตอาวุธทั่วๆ ไปด้วย
“ผมเพิ่งได้ยินจากผู้นำทหารระดับสูงของเราว่า การสู้รับที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้มีขึ้นเพื่อดินแดนในประวัติศาสตร์ของเรา และเพื่อประชาชนของเรา”ปูตินกล่าว
