ยอดดับไฟไหม้ศูนย์ผู้อพยพเม็กซิโกพุ่งทะลุ 40 ราย วิดีโอเผยผู้คุมเดินหนีหลังฟูกถูกเผา

REUTERS

ยอดดับไฟไหม้ศูนย์ผู้อพยพเม็กซิโกพุ่งทะลุ 40 ราย วิดีโอเผยผู้คุมเดินหนีหลังฟูกถูกเผา

ผู้เสียชีวิตหลังเหตุไฟไหม้ศูนย์ผู้อพยพทางตอนเหนือของเม็กซิโกเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 40 รายแล้ว โดยเจ้าหน้าที่ระบุว่าเหตุไฟไหม้ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังผู้อพยพไม่พอใจที่จะถูกเนรเทศ ได้จุดไฟเผาฟูกขึ้นภายในที่พักสำหรับผู้อพยพในเมืองซิวดัดฆัวเรซ ในรัฐชิวาวา ของเม็กซิโก

นายโลเปซ โอบราดอร์ ประธานาธิบดีเม็กซิโก กล่าวว่า เหตุเพลิงไหม้เริ่มขึ้นโดยผู้อพยพเพื่อแสดงการประท้วง หลังทราบว่าพวกเขาจะถูกส่งตัวกลับ แต่พวกเขาไม่คาดคิดว่ามันจะกลายเป็นเหตุร้ายเช่นนี้

เหตุไฟไหม้ดังกล่าวเกิดขึ้นก่อนเวลา 22.00 น. ของวันที่ 27 มีนาคม ตามเวลาท้องถิ่น โดยภาพจากกล้องวงจรถูกเปิดเผยออกมาในวันที่ 28 มีนาคม แสดงให้เห็นว่า ผู้อพยพนำฟูกนอนมาพิงลูกกรงห้องขังก่อนที่จะจุดไฟขึ้น ขณะที่ผู้คุมก็เดินหนีออกไปอย่างรวดเร็ว

ADVERTISMENT

ในภาพวิดีโอ มีผู้ที่แต่งกายเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 2 คนพุ่งเข้ามาในภาพ และมีผู้อพยพอย่างน้อย 1 คนที่ปรากฏตัวขึ้นที่ประตูเหล็กอีกด้านหนึ่ง แต่ดูเหมือนผู้คุมไม่ได้พยายามที่จะช่วยเปิดประตูห้องขังแต่อย่างใด และกลับวิ่งหนีไป จากนั้นเพียงไม่กี่วินาทีกลุ่มควันก็ลอยปกคลุมอาคารดังกล่าว ซึ่งรัฐมนตรีกิจการภายในของเม็กซิโกออกมายืนยันว่าวิดีโอดังกล่าวเป็นภาพของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง

หลายชั่วโมงให้หลัง ศพที่ห่อด้วยกระดาษฟอยล์สีเงินถูกนำมาวางเรียงเป็นแถวนอกสถานกักกันคนเข้าเมืองในซิวดัดฆัวเรซ ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับพรมแดนสหรัฐในเมองเอลปาโซ รัฐเท็กซัส ซึ่งเป็นจุดผ่านแดนสำคัญสำหรับผู้อพยพ ขณะที่ยังมีผู้อพยพอีกราว 100 คนที่ไปรวมตัวกันที่ประตูของสถานที่ตรวจคนเข้าเมืองเพื่อขอข้อมูลเกี่ยวกับคนในครอบครัวของพวกเขา

ADVERTISMENT

สถาบันตรวจคนเข้าเมืองแห่งชาติของเม็กซิโกระบุว่า นอกจากผู้เสียชีวิตมากกว่า 40 รายแล้ว ยังมีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 29 คน ซึ่งอยู่ในอาการสาหัส โดยขณะที่เกิดไฟไหม้ มีชาย 68 คน ที่เดินทางมาจากอเมริกากลางและอเมริกาใต้อยู่ในสถานที่ดังกล่าว

ถ้อยแถลงของสำนักงานอัยการสูงสุดของเม็กซิโกระบุว่า เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองให้ข้อมูลว่าผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บมาจากกัวเตมาลา ฮอนดูรัส เอลซัลวาดอร์ เวเนซุเอลา โคลอมเบีย และเอกวาดอร์ ขณะที่นายมาริโอ บูคาโร รัฐมนตรีต่างประเทศกัวเตมาลา กล่าวว่า ผู้เสียชีวิต 28 รายเป็นพลเมืองกัวเตมาลา

ชาวอเมริกากลางและอเมริกาใต้จำนวนมากพากันมุ่งหน้ามายังชายแดนสหรัฐ ด้วยความคาดหวังว่าจะมีการยุติการบังคับใช้กฎหมายที่ออกมาเพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ให้อำนาจรัฐบาลสหรัฐในการขับไล่ผู้อพยพที่พยายามข้ามพรมแดนได้อย่างรวดเร็วในยุคของอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งจะเปิดโอกาสให้พวกเขาเข้าไปแสวงหาชีวิตใหม่ในสหรัฐได้อีกครั้ง แต่รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ก็ไม่มีทีท่าว่าจะยกเลิกกฎหมายดังกล่าวแต่อย่างใด

 

 

อ่านข่าวน่าสนใจ:

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image