ศาลสั่งจำคุก 6 ชาวจีน ฐาน ‘ค้ามนุษย์-ทำร้ายร่างกาย’ กรณีคลิปหญิงถูกล่ามโซ่เยี่ยงสัตว์ว่อนเน็ต
สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า เมื่อวันที่ 7 เมษายน ศาลจีนได้ตัดสินจำคุกชาวจีนจำนวน 6 คนในข้อหาค้ามนุษย์และทำร้ายร่างกายหญิงคนหนึ่ง ที่เคยปรากฏตัวขณะที่เธอถูกล่ามโซ่ไว้ที่คอเยี่ยงสัตว์ในวิดีโอซึ่งถูกส่งต่ออย่างแพร่หลายเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา จนกลายเป็นเรื่องที่สร้างความตกตะลึงและเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในสังคมออนไลน์ของจีน
ศาลประชาชนชั้นกลางในเมืองซูโจว มณฑลเจียงซู ได้ตัดสินให้นายต่ง จือหมิน รับโทษจำคุก 9 ปี โทษฐานทรมานและการกักขังหน่วงเหนี่ยวเธอโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ขณะที่คนอื่นๆ อีก 5 คนรับโทษจำคุกเป็นระยะเวลาตั้งแต่ 8 ถึง 13 ปี โทษฐานลักพาตัว ค้ามนุษย์ และกักขังหน่วงเหนี่ยว
ขณะที่เหยื่อของการค้ามนุษย์คนนี้ ซึ่งมีการอ้างถึงเธอในบันทึกของศาลว่า “เสี่ยว ฮวาเหม่ย” เชื่อว่าถูกลักพาตัวมาและถูกขายมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง อีกทั้งยังได้ให้กำเนิดบุตรถึง 8 คนให้กับผู้ซื้อคนล่าสุดอีกด้วย โดยสื่อทางการของจีนรายงานโดยอ้างอิงเอกสารของศาลว่า เส้นทางชีวิตที่แสนโหดร้ายนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อช่วงต้นปี 1998 ซึ่งเธอถูกลักพาตัวมาจากมณฑลยูนนาน บ้านเกิดของตนซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ก่อนที่จะถูกขายให้กับชาวนาคนหนึ่งในมณฑลเจียงซู ด้วยค่าตัวประมาณ 1,180 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 40,000 บาท จากนั้นเธอก็หายตัวไปในช่วงกลางปี 1998 ก่อนที่จะถูกพบตัวในมณฑลเหอหนาน ทางตอนกลางของจีน ซึ่งเธอถูกขายให้กับขบวนการค้ามนุษย์ในราคา 700 ดอลลาร์สหรัฐ
ต่อมาในปีเดียวกัน กลุ่มค้ามนุษย์ได้พาตัวเธอกลับไปยังมณฑลเจียงซูอีกครั้ง และขายเธอให้กับนายต่งและพ่อของเขาด้วยราคา 1,180 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเอกสารของศาลระบุว่า ตั้งแต่ปี 1999 ถึง 2017 เธอยังมีความสามารถขั้นพื้นฐานในการดูแลตัวเองและสื่อสารกับคนอื่นๆ แต่หลังจากนั้น นายต่งกลับล่ามโซ่และกักขังหน่วงเหนี่ยวเธอไว้ในห้องที่มืดมิดและปราศจากไฟฟ้าและน้ำประปา โดยระหว่างปี 1999 ถึง 2020 เหยื่อของการค้ามนุษย์ผู้นี้ได้คลอดบุตรของต่งถึง 8 คน และยังเคยถูกวินิจฉัยว่าป่วยเป็นโรคจิตเภทอีกด้วย
ทั้งนี้ เรื่องของเธอถูกพูดถึงอย่างแพร่หลายเมื่อปีที่ผ่านมาหลังจากที่มีการเผยแพร่วิดีโอของเธอขณะถูกล่ามโซ่ในสังคมออนไลน์ของจีน ซึ่งวิดีโอดังกล่าวถูกลบไปแล้ว ขณะที่ในตอนแรก ทางการท้องถิ่นอ้างว่าไม่มีการค้ามนุษย์เกิดขึ้น แต่กลับมีการดำเนินคดีทางอาญาขึ้นในปี 2022 หลังจากรัฐบาลกลางจัดตั้งทีมสืบสวนพิเศษเพื่อพิจารณาคดีนี้
