สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นางคริสตีน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เข้ารับฟังการพิจารณาคดีในฝรั่งเศส เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม เรื่องค่าชดเชยมหาศาลที่รัฐต้องจ่ายให้กับนายแบร์นาร์ ตาปี มหาเศรษฐีชาวฝรั่งเศส ในช่วงที่เธอดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลัง นับเป็นคดีที่เสี่ยงต่อการสร้างรอยด่างพร้อยให้กับเส้นทางอาชีพอันเจิดจรัสของเธอ
นางลาการ์ดปฏิเสธข้อกล่าวหาว่าประมาทเลินเล่อ โดยข้อกล่าวหาดังกล่าวมาจากการจัดการกับข้อพิพาทที่นายตาปีอ้างว่า ธนาคารของรัฐบาลแห่งหนึ่งฉ้อโกงเขาในเรื่องการขายกิจการของอาดิดาส ซึ่งนายตาปี เป็นเจ้าของบริษัทระหว่างปี 2533-2536 ก่อนที่จะสูญเสียการครอบครองไปเพราะล้มละลาย
นายตาปีได้ขายกิจการอาดิดาสให้กับธนาคารเครดิตลียงเนส์ ของรัฐบาลด้วยราคา 315.5 ล้านยูโร เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2536 ซึ่งธนาคารได้ขายกิจการของอาดิดาสต่อในปีถัดมาที่ราคา 701 ล้านยูโร ทำให้นายตาปีอ้างว่าตนถูกฉ้อโกง
นางลาการ์ด ซึ่งขณะนั้นเพิ่งจะเข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังเมื่อปี 2550 ในรัฐบาลของประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี สั่งให้คลี่คลายข้อพิพาทระหว่างนายตาปีกับธนาคารเครดิตลียงเนส์ ด้วยวิธีการอนุญาโตตุลาการ ซึ่งผลการตัดสินออกมาว่าให้รัฐจ่ายค่าชดเชยมูลค่าสูงถึง 404 ล้านยูโรให้กับนายตาปี
เจ้าหน้าที่ฝ่ายสอบสวนสงสัยว่า กระบวนการอนุญาโตตุลาการมีความโน้มเอียงไปทางนายตาปีที่ให้การสนับสนุนนายซาร์โกซีในการหาเสียงเลือกตั้งเมื่อปี 2550 ด้านนางลาการ์ดที่ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีคลังจนกระทั่งถึงปี 2554 ยืนยันมาตลอดว่า เธอตัดสินใจเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของฝรั่งเศสเท่านั้น และแม้ว่านางลาการ์ดจะไม่ได้รับผลประโยชน์ส่วนตัวใดๆ เลยจากคำตัดสินดังกล่าว แต่เธอถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในเรื่องที่ล้มเหลวในการยื่นอุทธรณ์เรื่องจำนวนเงินชดเชย
ทั้งนี้ หากถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง นางลาการ์ดจะต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับอีก 15,000 ยูโร (ราว 560,000 บาท) แต่ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรก็ตาม คดีนี้เสี่ยงต่อการสร้างความเสื่อมเสียให้กับนางลาการ์ดที่ถือเป็น 1 ในสตรีผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของโลกในปัจจุบัน รวมถึงยังกระทบกระเทือนต่อความน่าเชื่อถือของไอเอ็มเอฟด้วย
