สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา คนที่ 45 ได้เลือกนายเดวิด ฟรีดแมน เป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐประจำประเทศอิสราเอล โดยนายฟรีดแมน เป็นทนายความและเป็นที่ปรึกษาระหว่างการหาเสียงของทรัมป์ที่สนับสนุนให้สหรัฐย้ายสถานทูตไปกรุงเยรูซาเลม
ทั้งนี้ นายฟรีดแมน ได้ออกแถลงการณ์แสดงความยินดีที่ทรัมป์เลือกตนทำหน้าที่ดังกล่าว พร้อมกับแสดงความหวังว่า ทรัมป์จะทำตามข้อเสนอเรื่องการย้ายสถานทุตสหรัฐไปยังกรุงเยรูซาเลม จากที่ปัจจุบันตั้งอยู่ที่นครเทลอาวีฟ และว่า ตนอยากจะทำงานเพื่อสันติภาพ และตั้งตารอที่จะทำงานนี้จากสถานทูตสหรัฐที่ตั้งอยู่ในกรุงเยรูซาเลม เมืองหลวงตลอดกาลของอิสราเอล
ข่าวระบุว่า ระหว่างการหาเสียงชิงชัยตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ทรัมป์เคยได้พบกับนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล และหลังจากนั้นทรัมป์ก็ให้คำมั่นว่าหากได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีสหรัฐ จะให้การรับรองว่าเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอลที่ไม่มีการแบ่งแยก
ทั้งนี้ อิสราเอลได้ประกาศให้เยรูซาเลมทั้งหมดถือเป็นเมืองหลวงหนึ่งเดียวของอิสราเอล เมื่อเดือนธันวาคม 1949 แต่สหรัฐและสมาชิกขององค์กรสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ส่วนใหญ่ ยังไม่รับรองการควบรวมดังกล่าว และถือว่าสถานะสุดท้ายของเยรูซาเลมยังจะต้องมีการตกลงกันผ่านกระบวนการเจรจาสันติภาพระหว่างชาวยิวและชาวปาเลสไตน์
อย่างไรก็ตาม เมื่อปี 1995 สภาคองเกรสของสหรัฐ ได้ออกกฎหมายกำหนดให้มีการรับรองเยรูซาเลมเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล และอนุมัติเงินทุนสำหรับการย้ายสถานทูตสหรัฐจากเทลอาวีฟไปยังเยรูซาเลม แต่กฎหมายดังกล่าวก็ยังไม่มีเคยถูกนำมาบังคับใช้จริงแต่อย่างใด และนโยบายของรัฐบาลวอชิงตันที่มีมาตลอด คือยังคงการตั้งสถานทูตสหรัฐเอาไว้ที่เทลอาวีฟ