ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงระบุว่า การเข้ามาก้าวก่ายการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาของรัสเซียตามที่มีการกล่าวหากันนั้น จำเป็นต้องมีการตอบโต้ทันที หากสหรัฐต้องการที่จะป้องกัน ยับยั้งการตกเป็นเป้าหมายของการถูกลงมือจู่โจมลักษณะนี้อีกในอนาคต
การตอบโต้จะเป็นการทดสอบครั้งสำคัญถึงขีดความสามารถในการทำสงครามไซเบอร์ของสหรัฐที่อยู่ระหว่างการพัฒนา แต่การตอบสนองจะต้องมีการกำหนดขอบเขตและขนาดเพื่อป้องกันไม่ให้เป็นการยกระดับความขัดแย้งให้สูงขึ้น
ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐเปิดเวทีสำหรับการโต้กลับในเรื่องนี้ โดยชี้นิ้วไปที่ประธานาธิบดีรัสเซียว่าปฏิบัติการเจาะระบบและปล่อยข้อมูลให้รั่วไหลที่เชื่อว่าพุ่งเป้าสร้างความเสียหายให้ทีมหาเสียงของฮิลลารี คลินตัน
“มีเหตุการณ์ไม่มากนักที่เกิดขึ้นในรัสเซียโดยที่วลาดิมีร์ ปูติน ไม่มีส่วนรู้เห็น” โอบามากล่าว
ขณะที่รัฐบาลมอสโกปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวโดยระบุว่าเป็นเรื่อง “น่าหัวเราะ” เช่นเดียวกับ ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ แต่โอบามาระบุว่า รัสเซียจำเป็นต้องรู้ว่าจะมีผลกระทบตามมาจากการแฮก
เจมส์ สตาฟริดิส พลเรือเอกเกษียณราชการ อดีตผู้บัญชาการกองกำลังผสมขององค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ระบุว่าการตอบโต้จำเป็นต้องเร่งด่วน
“เราจำเป็นต้องตอบสนองในระดับที่เหมาะสมโดยทันที” สตาฟริดิสบอก “ซึ่งควรจะรวมถึงการนำเสนอหลักฐานเรื่องนี้ต่อสาธารณะตามด้วยการรุกรานระบบไซเบอร์ของรัสเซียในลักษณะคล้ายคลึงกัน”
มีแรงกดดันให้ทำเนียบขาวมีปฏิกิริยาในเรื่องนี้ตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เมื่อเจ้าหน้าที่ด้านการข่าวระดับสูงเปิดเผยว่า “เจ้าหน้าที่ระดับแกนนำสูงสุดในรัฐบาลรัสเซียอยู่เบื้องหลังการเจาะระบบคอมพิวเตอร์และบัญชีอีเมล์ของพรรคเดโมแครตที่นำไปสู่การเผยแพร่เอกสารที่น่าอับอายโดยวิกิลีกส์
รองประธานาธิบดีโจ ไบเดน กล่าวในตอนนั้นว่า สหรัฐจะตอบโต้เพื่อเป็นการส่งสารถึงปูติน แต่ไม่มีหลักฐานใดๆ เลยหลังจากนั้น ซึ่งนักวิเคราะห์ระบุว่าเสี่ยงที่จะเป็นการส่งสัญญาณถึงความอ่อนแอให้กับคู่แข่ง
แฟรงก์ ซิลลุฟโฟ ผู้อำนวยการศูนย์ไซเบอร์และความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ มหาวิทยาลัยจอร์จ วอชิงตัน ระบุว่า “จากมุมมองด้านความน่าเชื่อถือ แน่นอนว่าเราไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะต้องตอบโต้ เนื่องจากทุกฝ่ายกำลังเฝ้าจับตาอยู่”
แต่สิ่งที่สหรัฐสามารถทำได้เป็นอีกเรื่องหนึ่ง การตอบโต้ในที่สุดแล้วอาจเป็นการจู่โจมทางไซเบอร์แบบปกปิด หรือยกระดับการคว่ำบาตรต่อบริษัทและเจ้าหน้าที่รัสเซียแบบเปิดเผย
รูปแบบหนึ่งที่อาจนำมาใช้คือ หลังจากเกาหลีเหนือเจาะระบบของโซนี่พิคเจอร์สและเผยแพร่ข้อมูลการสื่อสารภายในองค์กรเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2014 หลังจากนั้น 1 เดือน เกาหลีเหนือประสบปัญหาอินเตอร์เน็ตทั่วประเทศล่มเป็นเวลา 10 ชั่วโมงแบบที่ยังไม่สามารถอธิบายได้ ที่หลายฝ่ายคาดว่าเป็นการตอบโต้ของสหรัฐ
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้นับว่ายากลำบากสำหรับสหรัฐ เนื่องจากทรัมป์ที่เตรียมรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า ประกาศว่าจะปรับความสัมพันธ์กับรัสเซียใหม่ และการไม่ยอมรับว่ารัสเซียแฮกการเลือกตั้งสหรัฐเพื่อช่วยให้ตนชนะ แสดงให้เห็นว่าทรัมป์อาจไม่ต้องการตอบโต้รัสเซียในเรื่องนี้
ที่ผู้เชี่ยวชาญระบุตรงกันว่าเป็นปัญหาใหญ่
เพราะหากหลีกเลี่ยงการตอบโต้ ระดับของการถูกโจมตีก็เสี่ยงที่จะเพิ่มขึ้น
