ยูเอ็นชี้ ขบวนการค้ายาเสพติดหันลักลอบขนยาทางทะเล เลี่ยงถูกจับในไทย-จีน
สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นโอดีซี) ระบุว่า ผู้ค้ายาเสพติดได้พบวิธีใหม่ในการลักลอบนำยาบ้าและยาไอซ์ ออกจากเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อนำไปส่งให้ผู้มีกำลังซื้อสูงนอกภูมิภาค
ยูเอ็นโอดีซีระบุว่า กลุ่มอาชญากรดังกล่าวได้หันไปเคลื่อนย้ายยาเสพติดทางทะเลมากขึ้น เพื่อหลบเลี่ยงการลาดตระเวนทางบกในไทยและจีน ซึ่งสภาพการณ์ดังกล่าวทำให้เป็นเรื่องยากในการตรวจจับ
รายงานของยูเอ็นโอดีซีชี้ว่า กลุ่มผู้ค้ายาได้เรียนรู้ที่จะคาดการณ์ ปรับตัว และพยายามหลีกเลี่ยงการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งนี้ การค้ายาบ้า ยาไอซ์ และยาเสพติดจำนวนมาก ส่วนใหญ่มาจากซุปเปอร์แล็บในพื้นที่ต่างๆ ของเมียนมา
การผลิตยาเสพติดเหล่านี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะชะลอตัวลง โดยหลายคนเชื่อว่ารัฐฉานของเมียนมา เป็นแหล่งค้ายาบ้ารายใหญ่ที่สุดในโลก โดยผู้ค้ายาได้ส่งยาเสพติดของพวกเขาผ่านทางชายแดนลาว กัมพูชา และไทย ที่รู้จักกันไปทั่วโลกในชื่อสามเหลี่ยมทองคำ
เจเรมี ดักลาส ผู้แทนระดับภูมิภาคของยูเอ็นโอดีซี กล่าวว่า ในปี 2565 เราได้เห็นผู้ลักลอบค้ายาปฏิบัติการบริเวณชายแดนไทยมากกว่าในอดีต
“พวกเขายังคงลักลอบขนส่งสินค้าจำนวนมากผ่านลาวและภาคเหนือของไทย แต่ขณะเดียวกันก็ได้ขนส่งสินค้าจำนวนมากผ่านทางตอนกลางของเมียนมาไปยังทะเลอันดามัน ซึ่งมีคนที่คอยจับตาดูพวกเขาไม่มากนัก” ดักลาสกล่าว
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ตำรวจไทยและจีนซึ่งได้รับการสนับสนุนจากกองกำลังเพื่อนบ้านได้เพิ่มปฏิบัติการในสามเหลี่ยมทองคำ ขณะที่แก๊งค้ายาข้ามชาติได้ใช้ไทยเป็นทางผ่านเพื่อขนยาไอซ์มูลค่าสูงไปยังประเทศที่ 3 อาทิ ออสเตรเลียหรือนิวซีแลนด์ ซึ่งมูลค่ายาเสพติดอาจสูงกว่าในกรุงเทพฯ ถึง 10 เท่า
รายงานของยูเอ็นโอดีซีระบุด้วยว่า ยาบ้าจากเมียนมาจำนวนมากกำลังแพร่เข้าสู่บังกลาเทศและอินเดียอีกด้วย
ขณะที่ในปีที่ผ่านมา ทางการไทยและจีนจับกุมยาเสพติดลดลงอย่างมาก โดยตำรวจในเอเชียและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยึดยาบ้าได้เกือบ 151 ตันในปี 2565 ลดลงจาก 172 ตันในปี 2564 ขณะที่ราคายาไอซ์ก็ลดลงแตะระดับต่ำสุด ซึ่งบ่งชี้ว่าปริมาณการผลิตนั้นยังอยู่ในระดับสูงมาก
เจ้าหน้าที่เชื่อว่ากลุ่มอาชญากรได้พบวิธีกระจายเครือข่ายและเคลื่อนย้ายยาเสพติดโดยใช้เส้นทางเดินเรืออื่น โดยเจ้าหน้าที่หน่วยปราบปรามยาเสพติดของไทยได้สกัดกั้นการขนส่งยาเสพติดบางส่วนได้ในทะเล
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังติดตามการลักลอบขนยาเสพติดเป็นเวลา 4 เดือน ทางการไทยสามารถยึดยาไอซ์มากกว่า 900 กิโลกรัมได้จากเรือลากอวนในอ่าวไทย ห่างจากเกาะเสม็ดประมาณ 32 กิโลเมตร โดยมีลูกเรือถูกจับกุมไป 6 คน ซึ่งเจ้าหน้าที่กล่าวว่า ยาเสพติดอาจถูกขนย้ายจากเรือเล็กของไทยไปยังเรืออวนลากที่มีขนาดใหญ่กว่า เพื่อนำยาเสพติดดังกล่าวส่งต่อไปยังออสเตรเลีย
เจ้าหน้าที่ทั่วภูมิภาคยังสามารถยึดเคตามีน หรือยาเค ซึ่งเป็นยาสลบแต่ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดได้มากเป็นประวัติการณ์ถึง 27.4 ตันในปี 2565 ซึ่งเพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับปี 2564
รายงานของยูเอ็นโอดีซียังพูดถึงห้องแล็บผลิตเคตามีนแห่งหนึ่งในกัมพูชา ซึ่งพวกเขาระบุว่า สามารถผลิตยาเคได้ในระดับอุตสาหกรรม พร้อมกับแสดงความกังวลว่า กัมพูชาอาจกลายเป็นทางผ่านสำคัญ และกลายเป็นแหล่งผลิตยาเสพติดอีกแห่งหนึ่งในภูมิภาคในที่สุด โดยการค้นพบห้องทดลองเคตามีนลับ โกดังแปรรูป และสถานที่จัดเก็บหลายแห่งทั่วประเทศได้ส่งสัญญาณเตือนภัยในภูมิภาค
