เฟดไม่ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ส่งสัญญานเพิ่มความเข้มงวดในอนาคต

REUTERS

เฟดไม่ปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย ส่งสัญญานเพิ่มความเข้มงวดในอนาคต

ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่ประชุมกันในวันที่ 14 มิถุนายน ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐ ตัดสินใจไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยรอบใหม่ แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อจะสูงขึ้นเล็กน้อย แต่ส่งสัญญานว่าอาจต้องมีการปรับเพิ่มดอกเบี้ยอีกภายในปีนี้

นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด กล่าวว่า การเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐและตลาดแรงงานยังไปได้ดีกว่าที่คาด แม้จะอยู่ภายใต้นโยบายคุมเข้มเชิงรุกทางการเงินในปีที่ผ่านมา ทำให้เฟดชะลอการประกาศมาตรการรับมือกับปัญหาเงินเฟ้อลง เพราะมันสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจน้อยลง

“มันจะช่วยให้เศรษฐกิจมีเวลาเพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยในการปรับตัว ในขณะที่เราตัดสินใจว่าจะก้าวไปข้างหน้าอย่างไร”พาวเวลล์กล่าวระหว่างการแถลงข่าวหลังเสร็จสิ้นการประชุม

Advertisement

แถลงการณ์ของเฟดระบว่า หลังมีการปรับเพิ่มดอกเบี้ยติดต่อกัน 10 ครั้ง คณะกรรมการกำหนดอัตราดอกเบี้ยของเฟิดได้ลงมติให้คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้มาตรฐานที่ระหว่าง 5.0-5.25% เพื่อที่จะให้คณะกรรมการกำหนดนโยบายภายใต้ Federal Open Market Committee (FOMC) มีเวลาประเมินข้อมูลเพิ่มเติม รวมถึงประเมินผลกระทบต่อนโยบายการเงิน

พาวเวลล์กล่าวว่า เมื่อมองไปข้างหน้า ผู้เข้าร่วมประชุมเกือบทั้งหมดมองว่ามีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมในปีนี้ เพื่อทำให้อัตราเงินเฟ้อลดลงเหลือ 2% เมื่อเวลาผ่านไป

เศรษฐกิจสหรัฐส่งสัญญานของการชะลอตัวในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา โดยเมื่อเร็วๆ นี้เฟดคาดว่าเศรษฐกิจจะเริ่มประสบภาวะถดถอยเล็กน้อยในปลายปีนี้ แม้ว่าเฟดจะใช้นโยบายคุมเข้มทางการเงิน แต่เงินเฟ้อก็ยังคงสูงเหนือเป้าหมายที่ 2% ขณะที่อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ตัวชี้วัดล่าสุดบ่งชี้ว่ากิจกรรมทางเศรษฐกิจยังคงขยายตัวในระดับปานกลาง

Advertisement

เฟดยังเปิดเผยการคาดการณ์เศรษฐกิจล่าสุด ได้มีการปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตของจีดีพีในปี 2566 เป็น 1.0% จาก 0.4% ในเดือนมีนาคม ขณะที่การคาดการณ์เงินเฟ้อเฉลี่ยในปีนี้ลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 3.2%

พาวเวลล์กล่าวว่า เศรษฐกิจยังเผชิญกับความเป็นไปได้ของกระแสลมต้านที่อาจเกิดขึ้นจากภาวะสินเชื่อตึงตัวหลังการล่มสลายของธนาคารภูมิภาคจำนวนหนึ่งในช่วงต้นปีนี้ ซึ่งทำให้มีเหตุผลที่จะปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยให้สูงขึ้น แต่จะเป็นการดำเนินการแบบไม่รุนแรงเกินไป

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image