‘ทรัมป์’เรียกร้องให้สหรัฐเสริมสมรรถนะด้านนิวเคลียร์ หลังปูตินเผยเตรียมทำแบบเดียวกัน

(FILES) AFP PHOTO / JIM WATSON

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เปิดเผยเมื่อวันที่ 22 ธันวาคมว่า สหรัฐจะต้องเสริมสร้างสมรรถนะด้านนิวเคลียร์จนกว่า “โลกจะมาถึงจุดที่มีเหตุมีผล” ไม่กี่ชั่วโมงหลังจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย ประกาศว่าจะทำอย่างเดียวกัน

นายทรัมป์แถลงเรื่องดังกล่าวผ่านทวิตเตอร์ โดยไม่ได้ให้รายละเอียดหรือบริบทเพิ่มเติม 1 วันหลังประชุมหารือกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของกระทรวงกลาโหม (เพนตากอน) และไม่นานนักหลังจากที่นายปูตินเรียกร้องให้รัสเซียเสริมสร้างสมรรถนะด้านนิวเคลียร์ของตนให้เข้มแข็งขึ้น

“สหรัฐต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มสมรรถนะทางด้านนิวเคลียร์จนกว่าจะถึงเวลาที่โลกมีเหตุมีผลในเรื่องนิวเคลียร์” นายทรัมป์ทวีต

ข่าวระบุว่า การพูดถึงการเสริมสร้างสมรรถนะด้านนิวเคลียร์อย่างเปิดเผย เตือนให้นึกถึงคำมั่นสัญญาในช่วงสงครามเย็น และนับเป็นการมุ่งหน้าไปในทิศทางตรงกันข้ามกับจุดยืนของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่เคยกล่าวสุนทรพจน์อันโด่งดังไว้ที่กรุงปราก ประเทศสาธารณรัฐเช็ก เมื่อปี 2552 ที่เรียกร้องให้โลกกำจัดอาวุธนิวเคลียร์

Advertisement

และเมื่อปี 2553 นายโอบามาและนายดมิทรี เมดเวเดฟ ประธานาธิบดีรัสเซียในเวลานั้น ลงนามในสนธิสัญญาจำกัดอาวุธทางยุทธศาสตร์ (สตาร์ท) ซึ่งเป็นสนธิสัญญาที่ทำให้ทั้ง 2 ประเทศเริ่มต้นลดอาวุธนิวเคลียร์ลงอย่างมีนัยสำคัญ

การเปิดเผยของนายทรัมป์มีขึ้นหลังจากที่นายปูตินประกาศถึงผลงานของกองทัพรัสเซียในปฏิบัติการซีเรีย ว่า “เราจำเป็นต้องเสริมสร้างความเข้มแข็งด้านยุทธศาสตร์อาวุธนิวเคลียร์ โดยมุ่งไปที่มิสไซล์ที่สามารถทะลุทะลวงระบบป้องกันขีปนาวุธที่มีอยู่ในปัจจุบันและที่คาดว่าจะมีในอนาคต”

อย่างไรก็ตามนางเคลลีแอน คอนเวย์ ที่ปรึกษาระดับสูงของนายทรัมป์ ออกมาแก้ต่างเพื่อลดผลกระทบที่รุนแรงลงโดยระบุว่า นายทรัมป์ไม่ได้พยายามจะเปลี่ยนแปลงจุดยืนอันยาวนานของสหรัฐในประเด็นความมั่นคงของโลกแต่อย่างใด

Advertisement
QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image