นายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอล เรียกนายแดเนียล ชาพิโร ทูตสหรัฐประจำอิสราเอลเข้าพบเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม 2 วันหลังจากที่สหรัฐงดออกเสียงในการลงมติของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ต่อต้านการตั้งถิ่นฐานของอิสราเอลในเขตเวสต์แบงก์ของดินแดนปาเลสไตน์
การเรียกทูตสหรัฐเข้าพบมีขึ้นหลังจากที่ก่อนหน้านั้นวันเดียวกัน อิสราเอลเรียกทูต 10 จาก 14 ประเทศเข้าพบในการลงมติเรื่องดังกล่าว โดยแหล่งข่าวที่เป็นเจ้าหน้าที่อิสราเอลยืนยันแค่เพียงว่านายเนทันยาฮูกับนายชาพิโรได้พบกันโดยที่ไม่ได้ขยายความถึงเนื้อหารายละเอียดหรือผลลัพธ์ของการหารือแต่อย่างใด
ยูเอ็นเอสซีผ่านข้อมติดังกล่าวเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม หลังจากที่สหรัฐงดออกเสียงโดยไม่ใช้สิทธิวีโต้คัดค้าน ทำให้เป็นข้อมติแรกนับตั้งแต่ปี 2522 ที่สามารถผ่านออกมาประณามอิสราเอลในเรื่องนโยบายการตั้งถิ่นฐาน
ข้อมติดังกล่าวเรียกร้องให้ “อิสราเอลยุติกิจกรรมในการตั้งถิ่นฐานในดินแดนปาเลสไตน์ทั้งหมดในทันทีรวมถึงเยรูซาเลมตะวันออกด้วย” โดยแถลงการณ์ระบุว่า “การตั้งถิ่นฐานของอิสราเอลขาดความสมเหตุสมผลทางกฎหมาย และทำให้หนทางแก้ปัญหาร่วมกันระหว่างทั้ง 2 ฝ่ายตกอยู่ในอันตราย”
ด้านนายเนทันยาฮูปฏิเสธข้อมติดังกล่าวโดยระบุว่าเป็นการพุ่งเป้าเล่นงานอิสราเอลที่น่าละอาย
“จากข้อมูลที่เรามีอยู่ ไม่มีข้อสงสัยเลยว่ารัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามาเป็นผู้เริ่มต้นในเรื่องนี้ พร้อมทั้งอยู่เบื้องหลัง ประสานงานในเรื่องถ้อยคำและเรียกร้องให้ยูเอ็นเอสซีผ่านข้อมติดังกล่าวออกมา” นายเนทันยาฮูกล่าวและยังโจมตีนายจอห์น แคร์รี รัฐมนตรี ต่างประเทศสหรัฐด้วย “อย่างที่ผมเพิ่งบอกจอห์น แคร์รีไปเมื่อวันที่ 22 ธันวาคมว่า เพื่อนกันย่อมไม่เล่นงานกันในคณะมนตรีความมั่นคง”
