สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานเมื่อวันที่ 26 ธันวาคมว่า นายคาวาจา อาซิฟ รัฐมนตรีกลาโหมปากีสถาน ขู่ที่จะตอบโต้การโจมตีด้วยนิวเคลียร์ของอิสราเอล หลังจากที่ถูกหลอกด้วยข่าวปลอมบนโซเชียลมีเดีย
นายอาซิฟ ตอบสนองต่อข่าวที่ถูกกุขึ้นมาเผยแพร่บนเว็บไซต์ เอดับเบิลยูดีนิวส์ ซึ่งพาดหัวข่าวว่า “รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลกร้าว หากปากีสถานส่งทหารเข้าไปยังซีเรียไม่ว่าจะด้วยข้ออ้างใดๆ ก็ตาม เราจะยิงนิวเคลียร์ทำลายประเทศของพวกเขา” โดยทวีตข้อความเมื่อวันที่ 23 ธันวาคมว่า “รัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลขู่ว่าจะโจมตีด้วยนิวเคลียร์เป็นการตอบโต้เรื่องที่อิสราเอลเชื่อว่าเป็นบทบาทของปากีสถานในการต่อกรกับดาอิช (กองกำลังรัฐอิสลามหรือไอเอส) แต่อิสราเอลคงลืมไปว่าปากีสถานก็มีอาวุธนิวเคลียร์เช่นกัน”
การทวีตข้อความของนายอาซิฟได้รับการชี้แจงจากทางกระทรวงกลาโหมอิสราเอลเมื่อวันที่ 24 ธันวาคมว่า “แถลงการณ์ที่ระบุว่าเป็นอดีตรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล มอช ยาอาลอน กล่าวในเรื่องเกี่ยวกับปากีสถานนั้นไม่เคยมีขึ้น รายงานข่าวดังกล่าวที่รัฐมนตรีกลาโหมปากีสถานอ้างถึงเป็นข่าวปลอมทั้งหมด”
ข่าวระบุว่า อิสราเอลมีนโยบายที่คลุมเครือในเรื่องอาวุธนิวเคลียร์ โดยไม่เคยทั้งยอมรับและปฏิเสธถึงการมีอยู่ แต่เป็นที่เชื่อกันอย่างแพร่หลายว่าอิสราเอลเป็นหนึ่งในมหาอำนาจด้านนิวเคลียร์
ขณะที่ปากีสถานที่ทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งแรกเมื่อปี 2541 นั้น นักวิเคราะห์จำนวนมากเชื่อว่ามีอาวุธนิวเคลียร์ราว 120 ลูก โดยถือเป็นประเทศที่สั่งสมกำลังนิวเคลียร์ได้รวดเร็วที่สุดในโลก ทั้งนี้ อิสราเอลและปากีสถานไม่มีความสัมพันธ์ทางการทูตต่อกัน
ด้านนายอาซิฟตกเป็นประเด็นล้อเลียนของผู้สื่อข่าวและโซเชียลมีเดียในปากีสถานจากความผิดพลาดครั้งนี้
ข่าวระบุว่า นี่เป็นหลักฐานอย่างหนึ่งในปรากฏการณ์การแพร่ระบาดของข่าวปลอมในโซเชียลมีเดียที่ผู้เชี่ยวชาญและนักสังเกตการณ์จำนวนมากเชื่อว่าเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้นางฮิลลารี คลินตัน ตัวแทนพรรคเดโมแครตพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐต่อนายโดนัลด์ ทรัมป์ ตัวแทนพรรครีพับลิกัน
