ทวิตเตอร์รายได้หายเกือบครึ่ง หลัง ‘อีลอน มัสก์’ ซื้อกิจการ
รายได้จากการโฆษณาของทวิตเตอร์สูญหายไปเกือบครึ่ง นับตั้งแต่นายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีผู้ร่ำรวยที่สุดในโลกได้ทุ่มเงิน 4.4 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือราว 1.5 ล้านล้านบาท ซื้อกิจการของทวิตเตอร์เมื่อเดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา
มัสก์เป็นผู้เปิดเผยเรื่องดังกล่าวด้วยตนเองว่า บริษัทไม่มีรายรับเพิ่มขึ้นตามที่คาดการณ์ไว้ในเดือนมิถุนายน แต่รายได้ของเดือนกรกฎาคมมีแนวโน้มที่สดใสกว่าเล็กน้อย
นับตั้งแต่มัสก์เข้ามาบริหารทวิตเตอร์ ได้มีการปลดพนักงานไปแล้วราวครึ่งหนึ่ง หรือประมาณ 7,500 คน เพื่อลดค่าใช้จ่าย โดยมัสก์ทวีตว่า เราต้องมีกระแสเงินสดเป็นบวกก่อนจึงจะมีสิ่งหรูหราต่างๆ ตามมา
มัสก์ระบุว่า หลังเลิกจ้างพนักงานหลายพันคนและลดค่าบริการคลาวด์ มัสก์กล่าวว่า ทวิตเตอร์จะมีรายได้ 3 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 104,100 ล้านบาทในปี 2566 ลดลงจาก 5.1 พันล้านดอลลาร์ หรือ 176,970 ล้านบาทในปี 2564
ลินดา ยัคคาริโน ซีอีโอคนใหม่ของทวิตเตอร์ที่เพิ่งรับตำแหน่งในเดือนมิถุนายน กล่าวว่า ทวิตเตอร์จะมุ่งเน้นไปที่วิดีโอ ครีเอเตอร์ และพันธมิตรทางการค้า โดยมีรายงานว่าทวิตเตอร์กำลังอยู่ระหว่างการพูดคุยเบื้องต้นกับบุคคลทั้งในแวดวงการเมืองและบันเทิง บริษัทให้บริการด้านการชำระเงิน และผู้เผยแพร่ข่าวสารต่างๆ
การออกมาเปิดเผยสถานะด้านรายได้ที่ลดลงอย่างมากของทวิตเตอร์มีขึ้นขณะที่คู่แข่งรายใหม่อย่างเธรดส์ มีผู้ลงทะเบียนใช้งานแล้วถึง 150 ล้านคน ขณะที่การเชื่อมต่อกับอินสตาแกรมช่วยให้เธรดส์สามารถเข้าถึงผู้ใช้งานแพลตฟอร์มในเครือข่ายของเมต้าโดยอัตโนมัติ