ญี่ปุ่นฮึ่มใส่จีน สถานทูตในปักกิ่งถูกปาอิฐ ย้ำควรให้ข้อมูลที่ถูกต้องเรื่องฟุกุชิมะ
ญี่ปุ่นออกมาระบุเมื่อวันที่ 29 สิงหาคมว่า เหตุคุกคามที่ชาวญี่ปุ่นในจีนต้องเผชิญหลังการปล่อยน้ำผ่านการบำบัดจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะนั้นเป็นเรื่องน่าเสียใจอย่างยิ่ง ล่าสุดมีการยืนยันว่าได้มีการขว้างอิฐใส่สถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นในกรุงปักกิ่งด้วย
นายโยชิมาสะ ฮายาชิ รัฐมนตรีต่างประเทศญี่ปุ่น ได้ยืนยันข่าวที่ปรากฏตามรายงานของสื่อว่า มีการขว้างอิฐใส่สถานทูตญี่ปุ่นในกรุงปักกิ่ง และย้ำถึงข้อเรียกร้องจากนายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ที่ต้องการให้จีนดำเนินการเพื่อบรรเทาสถานการณ์
“เป็นเรื่องน่าเสียดายและน่ากังวลอย่างยิ่ง เราขอเรียกร้องอีกครั้งให้รัฐบาลจีนดำเนินมาตรการที่เหมาะสมทันที เช่น เรียกร้องให้พลเมืองของตนอยู่ในความสงบ เพื่อป้องกันไม่ให้สถานการณ์บานปลาย และใช้มาตรการที่เป็นไปได้ทั้งหมดเพื่อความปลอดภัยของชาวญี่ปุ่นที่อาศัยในจีนตลอดจนคณะทูตของเราในจีนด้วย” นายฮายาชิกล่าว
นายฮายาชิกล่าวว่า จีนควรให้ข้อมูลที่ถูกต้องเกี่ยวกับการปล่อยน้ำที่ฟุกุชิมะ แทนที่จะกระตุ้นให้ประชาชนเกิดความวิตกกังวลโดยไม่จำเป็น ด้วยการให้ข้อมูลที่ปราศจากพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์
ขณะที่โฆษกของสถานทูตญี่ปุ่นประจำกรุงปักกิ่งกล่าวว่า เจ้าหน้าที่สถานทูตรู้สึกกังวลอย่างยิ่ง มีบางคนมาที่ประตูทางเข้าสถานทูตของเรา พวกเขาใช้วิธีแบบนี้ ก่อนที่จะถูกตำรวจติดอาวุธพาตัวออกไป
นายหวัง เหวินปิน โฆษกกระทรวงต่างประเทศจีน ตอบคำถามถึงกรณีดังกล่าวว่าปักกิ่งจะดำเนินการอย่างไรต่อไปว่า จีนปกป้องความปลอดภัย สิทธิที่ชอบด้วยกฎหมาย และผลประโยชน์ของชาวต่างชาติในจีนตามกรอบของกฎหมายเสมอ
นายหวังกล่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นทำการปล่อยน้ำปนเปื้อนจากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟุกุชิมะเพียงฝ่ายเดียว โดยเพิกเฉยต่อความสงสัยและการต่อต้านอย่างหนักจากประชาคมระหว่างประเทศ ซึ่งกระตุ้นให้เกิดความไม่พอใจอย่างหนักในหมู่ประชาชนจากทุกประเทศ นี่ต่างหากคือต้นตอของสถานการณ์ในปัจจุบัน
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา กระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่นได้เรียกร้องให้พลเมืองญี่ปุ่นในจีนระมัดระวังคำพูดและพฤติกรรมของพวกเขา และอย่าพูดภาษาญี่ปุ่นโดยไม่จำเป็นหรือพูดเสียงดังเกินไป
ขณะเดียวกันมีรายงานว่า ธุรกิจหลายอย่างในญี่ปุ่นตั้งแต่ร้านเบเกอรีจนถึงพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ร้องเรียนหลายพันครั้งว่าพวกเขาได้รับโทรศัพท์หลายพันสาย ซึ่งมีการใช้ภาษาไม่เหมาะสมหรือคำพูดที่เป็นการเหยียดเชื้อชาติ โดยมีผู้ใช้โซเชียลมีเดียในจีนได้โพสต์บันทึกและวิดีโอการสนทนาดังกล่าว ซึ่งบางชิ้นมีผู้กดไลค์นับหมื่นคน
