สำนักงานบริหารพลังงานแห่งชาติ (เอ็นอีเอ) ของจีน เปิดเผยเมื่อวันที่ 5 มกราคม เตรียมทุ่มงบประมาณมูลค่าถึง 2.5 ล้านล้านหยวน หรือราว 12.9 ล้านล้านบาท ในการลงทุนกับพลังงานทดแทนระหว่างปี 2559-2563 นับเป็นความพยายามของจีน ประเทศซึ่งเป็นตลาดพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในโลกในการลดการพึ่งพาพลังงานจากถ่านหินลง
โดยรายงานแผนการลงทุนของ เอ็นอีเอ ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะสร้างงานในภาคส่วนพลังงานทดแทนได้ถึง 13 ล้านตำแหน่ง พร้อมย้ำเป้าหมายด้วยว่าพลังงานทดแทนที่จะใช้ในปี 2563 อันประกอบไปด้วยพลังงานจากลม น้ำ พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานนิวเคลียร์นั้นจะเท่ากับพลังงานที่ได้จากถ่านหินปริมาณ 580 ล้านตัน หรือคิดเป็น 15 เปอร์เซ็นต์ของพลังงานที่ใช้ทั้งหมดในประเทศ อย่างไรก็ตามเอ็นอีเอ ไม่ได้ระบุถึงรายละเอียดว่างบประมาณที่คิดเป็นราว 2.85 ล้านล้านบาทต่อปีนั้นจะนำไปใช้ลงทุนในส่วนใดบ้าง
ทั้งนี้การทุ่มงบประมาณการลงทุนดังกล่าวของรัฐบาลจีนแสดงให้เห็นถึงความพยายามของจีนที่จะลดการใช้พลังงานฟอสซิลที่เป็นแรงขับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาขณะที่ในช่วงเวลานี้จีนต้องแก้ปัญหามลภาวะทางอากาศส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานถ่านหินอย่างหนัก