กู้ภัยโมร็อกโก เร่งค้นหาคนติดใต้ซากอาคาร ขณะยอดดับพุ่งเฉียด 2,500
เจ้าหน้าที่กู้ภัยโมร็อกโก เร่งค้นหาผู้รอดชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวครั้งล่าสุด ที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วอย่างน้อย 2,122 ราย และได้รับบาดเจ็บมากกว่า 2,400 คน โดยมีรายงานว่าหมู่บ้านต่างๆ หลายแห่งพังทลายเป็นหน้ากลอง แต่ล่าสุดกระทรวงมหาดไทยของโมร็อกโกระบุว่า ยอดผู้เสียชีวิตพุ่งขึ้นเป็น 2,497 รายแล้ว
เจ้าหน้าที่กู้ภัยจากนานาชาติกลุ่มแรกได้เดินทางไปถึงโมร็อกโกเพื่อให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย หลายหมู่บ้านโดยเฉพาะในเขตภูเขายังไม่อาจเข้าถึงได้ ขณะที่ในวันอาทิตย์ที่ 10 กันยายน มีรายงานว่าเกิดอาฟเตอร์ช็อกแรง 4.5 แมกนิจูดเกิดขึ้นในภูมิภาคเดียวกับที่เกิดแผ่นดินไหวครั้งแรกที่ 6.8 แมกนิจูด เมื่อวันค่ำวันที่ 8 กันยายนที่ผ่านมา
หมู่บ้านทาเฟกาดเตซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาห่างจากมาร์ราเกซ 60 กิโลเมตร ถูกทำลายลงเกือบทั้งหมด มีอาคารเพียงไม่กี่หลังที่ยังหลงเหลืออยู่ ท่ามกลางซากปรักหักพัง เจ้าหน้าที่กู้ภัยพลเรือนและทหารจากกองทัพโมร็อกโกได้เร่งค้นหาผู้ที่ยังอาจจะรอดชีวิตรวมถึงศพของผู้เสียชีวิตไปพร้อมๆ กัน
สถานีโทรทัศน์โมร็อกโกรายงานว่า มีครอบครัวมากกว่า 18,000 ครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากเหตุแผ่นดินไหวใหญ่ในเมืองอัล-ฮาอูซ ซึ่งเป็นจุดที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด
ด้านกระทรวงกลาโหมสเปนระบุว่า เครื่องบิน A400 ได้บินจากเมืองซาราโกซาพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัย 56 คนและสุนัขค้นหา 4 ตัว มุ่งหน้าไปยังมาร์ราเกซ เพื่อเข้าร่วมในปฏิบัติการค้นหาและช่วยเหลือผู้รอดชีวิต
นอกจากสเปนแล้ว ทางการโมร็อกโกประกาศว่าได้รับความช่วยเหลือจากอีก 3 ประเทศ ประกอบด้ยอังกฤษ กาตาร์ และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ โดยกระทรวงมหาดไทยโมร็อกโคระบุว่าได้ตอบรับข้อเสนอจากทั้ง 4 ชาติเพื่อส่งทีมค้นหาและกู้ภัย ซึ่งในชั้นนี้มีการตอบรับข้อเสนอจากเพียง 4 ชาติเท่านั้น เพราะการขาดการประสานงานอาจส่งผลเสียได้
อย่างไรก็ดีมีอีกหลายประเทศที่เสนอความช่วยเหลือให้กับโมร็อกโกด้วยเช่นกัน อาทิ ฝรั่งเศส อินเดีย และสหรัฐ โดยนายนเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย พร้อมด้วยประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส และผู้บริหารธนาคารโลก กองทุนการเงินระหว่างประเทศ สหภาพแอฟริกา และคณะกรรมาธิการยุโรป ได้ให้คำมั่นผ่านแถลงการณ์ร่วมกันว่า จะระดมความช่วยเหลือด้นเทคนิคและการเงินเพื่อให้ความช่วยเหลือชาวโมร็อกโก
แผ่นดินไหวที่เพิ่งเกิดขึ้นดังกล่าวถือเป็นครั้งที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในโมร็อกโก นับตั้งแต่แผ่นดินไหวทำลายอากาดีร์เมื่อปี 1960 คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 12,000 คน