อาร์เมเนียกว่า 6.5 พันคนทิ้งนากอร์โน-คาราบัค ระเบิดปั๊มน้ำมันเจ็บสาหัสกว่า 200
กลุ่มชาติพันธุ์ชาวอาร์เมเนียราว 6,650 คน จากที่อาศัยอยู่ในนากอร์โน-คาราบัคราว 120,000 คน ได้เดินทางออกจากเมืองหลังการยึดครองพื้นที่พิพาทโดยอาเซอร์ไบจานเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อมุ่งหน้าไปยังประเทศอาร์เมเนีย
ผู้นำของกลุ่มชาติพันธุ์อาร์เมเนียที่อาศัยอยู่ในคาราบัคกล่าวว่า พวกเขาไม่ต้องการใช้ชีวิตในฐานะส่วนหนึ่งของประเทศอาเซอร์ไบจาน และกำลังมุ่งหน้าไปยังอาร์เมเนียเพราะหวั่นวิตกว่า พวกเขาอาจตกเป็นเหยื่อของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ท่ามกลางความวุ่นวายของการอพยพออกจากพื้นที่ สื่อท้องถิ่นรายงานโดยอ้างผู้ตรวจการแผ่นดินของคาราบัคว่า เกิดเหตุระเบิดขึ้นที่ปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในคาราบัคเมื่อวันที่ 25 กันยายน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บมากกว่า 200 คน โดยผู้ได้รับบาดเจ็บส่วนใหญ่อาการสาหัส และควรต้องขนส่งทางอากาศเพื่อไปเข้ารับการรักษาตัวในพื้นที่อื่น เนื่องจากคาราบัคไม่สามารถที่จะให้การรักษาคนเจ็บทั้งหมดได้
ด้านผู้ลี้ภัยที่เดินทางไปถึงอาร์เมเนียกล่าวว่า พวกเขาเชื่อว่าประวัติศาสตร์ของการแยกตัวไปอยู่ในดินแดนอื่นของพวกเขาจบลงแล้ว และไม่มีใครต้องการที่จะกลับไปยังคาราบัคอีก
นิโคล ปาชินเนียน นายกรัฐมนตรีอาร์เมเนีย กล่าวกับซาแมนธา พาวเวอร์ หัวหน้าองค์การเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐ (USAID) ว่ากระบวนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวอาร์เมเนียในนากอร์โน-คาราบัค ยังคงดำเนินต่อไป มันกำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ และเป็นความจริงที่น่าเศร้าอย่างยิ่ง
ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ได้ส่งจดหมายถึงนายปาชินเนียนผ่านพาวเวอร์ว่า สหรัฐจะให้ความช่วยเหลือในการตอบสนองต่อความต้องการด้านมนุษยธรรมในอาร์เมเนีย ขณะที่พาวเวอร์ซึ่งได้เดินทางเยือนอาร์เมเนียย้ำว่า เธอมาเพื่อย้ำการสนับสนุนและความร่วมมือที่แข็งแกร่งของสหรัฐกับอาร์เมเนีย และเพื่อพูดคุยตรงกับผู้ได้รับผลกระทบจากวิกฤตด้านมนุษยธรรมในนากอร์โน-คาราบัค
ขณะที่รัสเซียออกมาเตือนนายกรัฐมนตรีปาชินเนียนว่า เขาต้องตำหนิตัวเองในชัยชนะของอาเซอร์ไบจานเหนือคาราบัค เพราะเขายืนยันที่จะมีปฏิสัมพันธ์กับตะวันตกมากกว่าที่จะทำงานร่วมกับรัสเซียและอาเซอร์ไบจานเพื่อให้เกิดสันติภาพขึ้นในพื้นที่
