UN ย้ำสถานการณ์ในกาซาสุดเลวร้าย ปาเลสไตน์พลัดถิ่นทะลุล้าน ด่านราฟาห์โดนบอมบ์
นายมาร์ติน กริฟฟิธส์ รองเลขาธิการสหประชาชาติด้านการประสานงานกิจการมนุษยธรรม กล่าวว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในฉนวนกาซาขณะนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่เลวร้ายที่สุด พร้อมกับผลักดันให้มีการเร่งให้ความช่วยเหลือผู้คนในกาซา
กริฟฟิธส์กล่าวว่า สหประชาชาติกำลังหารืออย่างจริงจังกับอิสราเอล อียิปต์ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางส่งมอบความช่วยเหลือผ่านด่านราฟาห์ของอียิปต์ไปยังปาเลสไตน์ โดยได้รับความช่วยเหลืออย่างมากจากนายแอนโทนี บลิงเกน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ที่อยู่ระหว่างเดินทางเยือนหลายประเทศในภูมิภาคตะวันออกกลาง
กริฟฟิธส์กำลังเดินทางมายังกรุงไคโร ประเทศอียิปต์ เพื่อพยายามช่วยเหลือในการเจรจาต่อรอง โดยเขาคาดหวังว่าจะได้รับข่าวดีบางอย่างในเร็วๆ นี้
“คุณไม่สามารถขอให้ผู้คนเคลื่อนที่ออกจากพื้นที่อันตรายโดยไม่ให้ความช่วยเหลือพวกเขา ไม่ว่าจะการจัดเตรียมสถานที่ที่ปลอดภัยและการให้ความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม และขณะนี้อิสราเอลยังไม่ได้จัดทำข้อกำหนดเหล่านี้สำหรับผู้คนในฉนวนกาซา ที่จะต้องโยกย้ายจากพื้นที่ทางตอนเหนือลงไปยังตอนใต้” กริฟฟิธส์กล่าว
นับจนถึงขณะนี้มีชาวปาเลสไตน์มากกว่า 1 ล้านคน ที่อพยพออกจากบ้านของพวกเขาในพื้นที่ตอนเหนือของฉนวนกาซาลงไปยังตอนใต้ ตามคำสั่งอพยพก่อนการโจมตีภาคพื้นดินของอิสราเอล
รองเลขาธิการสหประชาชาติด้านการประสานงานกิจการมนุษยธรรมยังเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวประกันทั้งหมดที่ถูกจับมาจากอิสราเอลโดยทันที ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็ก สตรี คนชรา และคนป่วย เขาระบุว่านั่นเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้และยังผิดกฎหมาย
ขณะเดียวกันมีรายงานว่าเกิดการโจมตีทางอากาศที่จุดผ่านแดนราฟาห์ในฝั่งปาเลสไตน์ โดยระเบิดขนาดใหญ่ทำให้จุดผ่านแดนและถนนในฝั่งปาเลสไตน์ได้รับความเสียหาย แต่ยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต ขณะที่ยังไม่ชัดเจนว่าเหตุระเบิดดังกล่าวเป็นฝีมือของฝ่ายใด
ก่อนหน้าเหตุระเบิดผู้คนหลายพันคนในฉนวนกาซาได้ไปรวมตัวกันที่ชายแดนในจุดผ่านแดนราฟาห์ หลังจากมีข่าวว่าอาจมีการเปิดจุดผ่านแดนขึ้นชั่วคราวในระหว่างที่มีการหยุดยิงเพื่อส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมช่วงสั้นๆ แต่ทั้งอิสราเอลและฮามาสปฏิเสธว่าไม่มีข้อตกลงดังกล่าวเกิดขึ้น
อย่างไรก็ดี สหประชาชาติระบุว่า ยังไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาเพื่อเปิดจุดผ่านแดนดังกล่าว ขณะที่อียิปต์กล่าวโทษอิสราเอลว่าไม่ให้ความร่วมมือในเรื่องการเปิดจุดผ่านแดนราฟาห์ ซึ่งกลายเป็นทางออกเดียวจากฉนวนกาซา ที่ถูกอิสราเอลปิดล้อมอยู่ในขณะนี้
อียิปต์ดูเหมือนจะเตรียมพร้อมในการเปิดจุดผ่านแดนราฟาห์อีกครั้ง เพื่อเปิดทางให้ผู้ถือหนังสือเดินทางต่างประเทศออกมาตามช่องทางดังกล่าว รวมถึงเปิดให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่มารออยู่จำนวนมากเข้าไปสู่ฉนวนกาซาได้
ขณะเดียวกันก็มีความห่วงกังวลจากอียิปต์ว่าจะเกิดการหลั่งไหลของผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ที่หลบหนีสงครามเข้ามาในประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งที่อียิปต์และชาติอาหรับอื่นๆ ยอมรับไม่ได้ โดยพวกเขามองว่ามันเท่ากับเป็นการขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออกจากดินแดนของพวกเขาเอง
ด้านสหรัฐและอียูประกาศว่าสนับสนุนการส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม แต่ก็ย้ำจุดยืนที่ชัดเจนในการให้การสนับสนุนอิสราเอลเพื่อโจมตีฮามาส ขนาดที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ ถึงกับใช้คำว่ากลุ่มฮามาสจะต้องถูกกำจัดให้หมดไปจากฉนวนกาซา
นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ ไลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวว่า อิสราเอลมีสิทธิที่จะปกป้องตนเอง แต่ต้องสอดคล้องกับกฎหมายมนุษยธรรมและกฎหมายระหว่างประเทศ โดยยุโรปจะมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้กับพลเรือนในฉนวนกาซาเป็นเงิน 75 ล้านยูโร และจะประสานงานเพื่อให้เปิดสะพานทางอากาศส่งมอบความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมให้กับฉนวนผ่านทางอียิปต์