คอลัมน์ไฮไลต์โลก : ‘พิสูจน์อัตลักษณ์เหยื่อสังหารโหดฮามาส’ ภารกิจบีบหัวใจอิสราเอล

ภาพเอเอฟพี

คอลัมน์ไฮไลต์โลก: ‘พิสูจน์อัตลักษณ์เหยื่อสังหารโหดฮามาส’ ภารกิจบีบหัวใจอิสราเอล

ท่ามกลางตัวเลขผู้เสียชีวิตในสงครามสู้รบระหว่างอิสราเอลและกองกำลังฮามาส ที่ยังคงไต่ระดับขึ้นไม่หยุด การพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลของศพผู้เสียชีวิต เป็นอีกภารกิจใหญ่สำคัญสำหรับบุคลากรที่ปฏิบัติภารกิจนี้ในอิสราเอล ซึ่งกำลังระดมแรงเร่งมือทำงานอยู่กับศพผู้เสียชีวิตจำนวนมากที่ถูกส่งเข้ามาไม่ขาดสาย เพื่อที่จะส่งมอบร่างไร้ลมหายใจเหล่านั้น กลับคืนสู่ครอบครัวอันเป็นที่รักของพวกเขา

อิสราเอล ไวส์ อดีตหัวหน้าหมอสอนศาสนาในกองทัพที่เกษียนราชการแล้ว เป็นหนึ่งในทีมงานปฏิบัติภารกิจพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลของศพผู้เสียชีวิตในฝั่งอิสราเอล ที่พุ่งขึ้นเป็นมากกว่า 1,400 ศพ นับตั้งแต่กองกำลังฮามาสจู่โจมตีอิสราเอลอย่างไม่คาดคิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา จนทำให้สงครามอิสราเอล-ฮามาสครั้งใหม่อุบัติขึ้น

ทีมแพทย์ หมอฟัน ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติเวช และอาสาสมัครในอิสราเอล ทำงานแข่งกับเวลาในการพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลของศพที่ถูกส่งมาถึงฐานทัพชูลา ใกล้กับเมืองรามลา ทางตอนกลางของอิสราเอล ที่นี่เป็นศูนย์ 1 ใน 4 แห่งที่ปฏิบัติงานนี้ โดยมีศพผู้เสียชีวิตหลายร้อยศพกำลังรอรับการพิสูจน์หรือรอนำไปฝัง ซึ่งถูกเก็บไว้ในตู้คอนเทนเนอร์แช่เย็น ที่ตั้งวางเรียงรายกันอยู่แน่นเต็มพื้นที่

Advertisement

ไวส์ ที่สวมหน้ากากอนามัยเฉกเช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ เพื่อป้องกันและกรองกลิ่นเหม็นคลุ้ง ขณะพาสื่อมวลชนที่มาสังเกตการณ์ภารกิจดังกล่าว ดูตู้คอนเทนเนอร์แช่เย็นที่เก็บศพผู้เสียชีวิตที่รอการตรวจพิสูจน์ ซึ่งแต่ละตู้บรรจุศพมากถึง 50 ศพ ไวส์กล่าวอ้างว่า มีสิ่งบ่งชี้ว่าศพเหยื่อที่เสียชีวิตจำนวนมากถูกทรมาน ถูกข่มขืน หรือถูกทารุณกรรม ซึ่งเขาไม่เคยเห็นภาพน่าสยดสยองเช่นนี้มาก่อน

“ผมเห็นศพทารก ผู้หญิงและผู้ชาย ที่ถูกตัดหัว เห็นผู้หญิงท้อง ที่หน้าท้องของเธอถูกเปิดออกและทารกในครรภ์ถูกควักออกไป” ไวส์กล่าว และว่า เหยื่อผู้หญิงจำนวนมากถูกข่มขืน ขณะที่นายทหารระดับสูงอีกรายหนึ่งบอกกับนักข่าวว่า มีสิ่งที่บ่งชี้ว่าบางศพนั้นถูกกับระเบิด

ตัวอย่างดีเอ็นเอ ลายนิ้วมือ และ ประวัติการทำฟัน ทั้งหมดถูกนำมาใช้ในการพิสูจน์อัตลักษณ์ของศพผู้เสียชีวิต โดยเกือบ 90% ของทหารอิสราเอลที่ถูกสังหารเสียชีวิตในชั่วเวลาสู้รบเพียง 8 วัน ตัวเลขอยู่ที่ราว 286 นายนั้น ได้รับการพิสูจน์อัตลักษณ์เป็นที่เรียบร้อย แต่ในส่วนของศพพลเรือนยังไปได้ไม่ถึงครึ่ง

Advertisement

จ่าสิบเอกมายัน ซึ่งเป็นทันตแพทย์หญิงและทหารกองหนุน ที่ร่วมในทีมพิสูจน์อัตลักษณ์ กลั้นน้ำตาแห่งความสะเทือนใจไว้ไม่อยู่ เมื่อเธอบอกเล่าถึงภาพติดตาอันน่าสยดสยองของร่องรอยบาดแผลของการทำทารุณกรรมและการล่วงละเมิดต่อเหยื่อผู้เสียชีวิต “เราได้ยินเสียงกรีดร้องและร่ำไห้ของเด็กๆ ที่สูญเสียพ่อแม่ของพวกเขาไป” จ่าสิบเอกมายันบอก

ตัดภาพกลับมาที่ ไวส์ ที่พรั่งพรูความรู้สึกอัดอั้นในหัวใจของเขาอยู่ในเวลานี้ ขณะเปิดตู้คอนเทนเนอร์ให้นักข่าวดูจำนวนศพเหยื่อที่ถูกกลุ่มฮามาสพรากชีวิตไป ซึ่งอัดแน่นอยู่ในตู้คอนเทนเนอร์ว่า “ผมเปิดตู้คอนเทนเนอร์ ผมเห็นศพ ผมได้กลิ่นแรง เข้าเต็มปอด เต็มหัวใจของผม แต่สิ่งที่ผมกลับรู้สึกได้ มันมีแต่ความเจ็บปวดและความสูญเสียเท่านั้น!”

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image