ไฟแนนเชียลไทม์สรายงานว่า บรรดาผู้กำหนดนโยบายของกองทุนสำรองแห่งรัฐ (เฟด) หรือธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา มองว่า มีปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจสหรัฐเพิ่มขึ้น จากการประเมินสภาพการณ์ของตลาดที่ผันผวนซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ต้นปี 2559 ท่ามกลางราคาโภคภัณฑ์ที่ร่วงลงและความสับสนในเรื่องนโยบายการเงินของจีน
ในรายงานการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดระหว่างวันที่ 26-27 มกราคมที่ผ่านมา เผยแพร่เมื่อวันที่ 17 กุมภาพันธ์ แสดงให้เห็นว่า คณะผู้กำหนดนโยบายของเฟด ระมัดระวังตัวที่จะด่วนสรุปเกี่ยวกับสถานการณ์อันเป็นผลมาจากความผันผวนของตลาดการเงิน แต่ส่วนใหญ่เห็นพ้องกันว่า ภาพรวมทางเศรษฐกิจโลกเริ่มมืดมนและไม่แน่นอนมากยิ่งขึ้น
บางส่วนระบุว่า จะเป็นการ “รอบคอบ” มากกว่า ที่จะรอดูหลักฐานที่ชัดเจนกว่านี้เกี่ยวกับเรื่องพื้นฐานความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ ก่อนที่จะตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นอีก
รายงานการประชุมระบุว่า “หากสถานการณ์การลดลงของราคาหุ้น การแข็งค่าของเงินดอลลาร์ และต้นทุนทางการเงินสูงจากนโยบายการเงินแบบเข้มงวดยังคงอยู่ ผลกระทบอาจจะพอๆ กับการปรับนโยบายทางการเงินให้เข้มงวดเพิ่มขึ้นอีก”
รายงานการประชุมยังแสดงให้เห็นว่า คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟค ประสบปัญหายากลำบากในการทำความเข้าใจเหตุผลที่เกิดการเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ทางการเงินของสหรัฐไปในทางตรงกันข้าม เช่นเดียวกับระดับความรุนแรงของสถานการณ์ที่จะส่งผลกระทบต่อแผนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด
ข่าวระบุว่า รายงานการประชุมแสดงให้เห็นว่า มุมมองของเฟดเปลี่ยนไปจากการเผชิญกับความผันผวนของตลาดหุ้นและราคาโภคภัณฑ์ที่ร่วงลง ส่งผลกระทบต่อตลาดทั่วโลก