กฐินพระราชทานเชื่อมใจ พุทธศาสนิกชน ‘ไทย-กัมพูชา’

กฐินพระราชทานเชื่อมใจ
พุทธศาสนิกชน ‘ไทย-กัมพูชา’

แดดจ้าฟ้าใสในจังหวัดกันดาลของกัมพูชา ในวันที่ 19 พฤศจิกายน ไม่ส่งผลกระทบใดๆ กับรอยยิ้มยินดีที่แต่งแต้มอยู่บนในหน้าของทั้งชาวไทยและกัมพูชากว่า 4,000 คนที่พร้อมใจกันมาร่วมบุญใหญ่ที่ไม่เคยมีในชุมชนแห่งนี้ ในการเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวาย ณ วัดเสิตตโบ ซึ่งมีนายณัฐพล ขันธหิรัญ รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เป็นหัวหน้าคณะ

ADVERTISMENT

ไม่ว่าแดดจะร้อนแรงเพียงใด ผู้ร่วมขบวนแห่องค์กฐินที่ทอดยาวล้อมรอบโบสถ์ชนิดหัวแถวชนท้ายแถวอย่างที่ไม่เคยได้พบเห็นก็มีแต่ใบหน้าเปี่ยมสุข ชาวกัมพูชาที่มาร่วมงานบุญใหญ่แต่งกายงดงาม นำพานใส่ไตรจีวรขึ้นทูนเหนือศีรษะ ถือดอกไม้ที่เตรียมมาถวายพระ ผู้เฒ่าผู้แก่มากับครอบครัว หอบลูกจูงหลานมาร่วมบุญ เช่นเดียวกับคนไทยและผู้แทนบริษัทไทยในกัมพูชามากมายที่พร้อมใจกันมาร่วมบุญใหญ่ครั้งนี้โดยพร้อมเพรียง

ADVERTISMENT

ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาก็มีผู้แทนระดับสูงมาร่วมงานหลายท่าน ประกอบด้วย นายกี โซะวันรัตนา รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศกัมพูชา นายเนียะ ซ็อมโบร์ รัฐมนตรีช่วยกระทรวงธรรมการและศาสนา นายอัน ซกเคือน ผู้ช่วยรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา นายณุบ จันทารึท ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงธรรมการและศาสนา

วัดเสิตตโบ จ.กันดาล เป็นวัดเก่าแก่ที่มีอายุถึง 235 ปีแล้ว ไม่เพียงแต่จะเป็นวัดสำคัญซึ่งเป็นสถานที่รวมใจและเป็นที่เคารพศรัทธาของชาวกัมพูชา แต่ยังเป็นเสมือนที่ตั้งของวิทยาลัยสงฆ์ด้วย มีโรงเรียนสอนศาสนาพุทธตั้งแต่ระดับประถมศึกษาไปจนถึงวิทยาลัย เป็นที่พำนักของสามเณรมากถึง 312 รูป และยังมีบ้านพักคนชราที่อยู่ภายใต้การดูแลของวัดอีกด้วย โดยครานี้ถือเป็นครั้งที่ 2 ที่มีการเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานมาทอดถวายที่จ.กันดาลเป็นครั้งที่ 2 ซึ่งห่างจากครั้งแรกในปีพ.ศ. 2551 ถึง 15 ปี

พระโกศลย์มุนีญาน โปวตุลา เจ้าอาวาสวัดเสิตตโบกล่าวแสดงความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณในการนำผ้าพระกฐินพระราชทานมาทอดถวายในกัมพูชา ทั้งยังยินดีที่ได้เห็นทั้งชาวไทยและชาวกัมพูชามาร่วมทำบุญกฐินพระราชทาน โดยชาวกัมพูชาก็รู้สึกชื่นชมยินดีและตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาร่วมทำบุญในวันนี้

นายเชิดเกียรติ อัตถากร เอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา กล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและกัมพูชามีความใกล้ชิดกันอย่างมากทั้งในระดับรัฐบาลและระดับประชาชน ปัจจัยที่เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้เรามีความใกล้ชิดกันคือความคล้ายคลึงกันทางด้านวัฒนธรรมและด้านศาสนา เพราะชาวกัมพูชาส่วนใหญ่ก็นับถือศาสนาพุทธเช่นเดียวกับไทย อีกทั้งกัมพูชาก็มี 2 นิกายคือมหานิกายและธรรมยุติกนิกายเช่นกัน ปีนี้เป็นการทอดถวายกฐินพระราชทานหลังจากว่างเว้นไปในช่วงโควิด โดย สมเด็จพระอัครมหาสังฆราชาธิบดีเทพ วงศ์ ของกัมพูชา ทรงแนะนำให้ไปทอดถวาย ณ วัดเสิตตโบ แห่งนี้

ท่านทูตเชิดเกียรติกล่าวว่า วัดเสิตตโบยังเป็นเสมือนโรงเรียนสอนศาสนาและภาษาบาลีให้กับสามเณร จึงไม่ได้เป็นเพียงวัดที่เผยแพร่ศาสนา แต่ยังเผยแพร่องค์ความรู้ให้กับสามเณรเหล่านั้นที่จะเป็นการสืบทอดศาสนาพุทธต่อไป การเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานมาทอดถวายที่กัมพูชาอย่างต่อเนื่องทำให้พุทธศาสนิกชนกัมพูชารู้สึกว่ามีความใกล้ชิดกับไทย ทั้งยังสะท้อนให้เห็นว่าเรามีความเคารพและศรัทธาเช่นเดียวกัน

ด้านรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศกัมพูชา ในฐานะผู้แทน นายสก เจินดา โซเภีย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชา ที่เดินทางมาร่วมงานกล่าวว่า รู้สึกยินดีและปลื้มใจมากที่ได้มีโอกาสมาร่วมงานทอดถวายผ้าพระกฐินพระราชทานในครั้งนี้ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทย และขอบคุณกระทรวงการต่างประเทศไทยในนามของกระทรวงต่างประเทศและประชาชนกัมพูชา ทั้งยังขออนุโมทนาในอานิสงส์ของท่านทั้งหลาย

นายกีกล่าวว่า กฐินพระราชทานในปีนี้มีความสำคัญมาก เพราะกัมพูชาและไทยเป็นประเทศเพื่อนบ้าน ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศในปัจจุบันถือว่าดีที่สุด และสะท้อนให้เห็นถึงมิตรภาพระหว่างกัน ที่ดีที่สุดคือต้องมีการไปมาหาสู่และการลงทุนของนักธุรกิจไทยในกัมพูชาให้มากขึ้น

ขณะที่ นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศ ซึ่งเป็นหน่วยงานของกระทรวงการต่างประเทศที่รับผิดชอบในการเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานไปทอดถวายยังวัดพุทธในต่างประเทศ กล่าวว่า โครงการกฐินพระราชทานไม่เพียงแต่ส่งเสริมความสัมพันธ์ระดับประชาชนต่อประชาชน และยังเป็นการเผยแพร่พระพุทธศาสนาซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถเชื่อมโยงด้านจิตใจของประชาชนในแต่ละประเทศได้ ซึ่งปีนี้จัดขึ้น 2 แห่งคือกัมพูชาและลาว ทั้งนี้ งานกฐินพระราชทานจะเป็นงานที่มีการร่วมแรงร่วมใจกันระหว่างคนไทยจากไทย ชุมชนไทยในประเทศนั้นๆ และชุมชนของประเทศเจ้าบ้าน เมื่อจัดแล้วผู้คนจะจำได้เป็นอย่างดีเช่นกัน

แขกผู้ใหญ่จากกัมพูชาถ่ายภาพรวมกับคณะผู้แทนไทยจากกระทรวงการต่างประเทศ

อธิบดีกาญจนากล่าวว่า เราจะได้เห็นสิ่งที่เชื่อมโยงกันระหว่างคนไทยและกัมพูชารวมถึงพี่น้องชาวพุทธไม่ว่าที่ไหนก็ตาม เพราะบทสวดเป็นภาษาบาลีที่มีความหมายเดียวกัน และมีมานานกว่า 2,600 ปี ทำให้เห็นว่าเราเป็นชุมชนชาวพุทธเช่นเดียวกัน ซึ่งมีความตั้งใจและมีความศรัทธาที่จะพัฒนาตนเอง เพราะศาสนาพุทธสอนในเรื่องที่มนุษย์มีศักยภาพในการพัฒนาตนเองให้มีปัญญาเพื่อที่จะทำประโยชน์สุขแก่ตนเองและเพื่อประโยชน์สุขของสังคม

ขณะที่ นางจีรนันท์ วงษ์มงคล ประธานสมาคนนักธุรกิจไทยในกัมพูชา กล่าวว่า งานในวันนี้มีชาวบ้านมาร่วมงานกันอย่างหนาแน่น ทุกคนต่างดีใจที่ได้มาร่วมงานบุญกฐินพระราชทาน ซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในชุมชนของเขา และให้ความสำคัญกับงานบุญครั้งนี้ หลายบริษัทของไทยก็ยังได้ร่วมกันเปิดโรงทาน รวมถึงถวายภัตตาหารพระสงฆ์และสามเณรมากกว่า 300 รูป

บริษัทไทยนำอาหารและเครื่องดื่อมาแจกจ่ายให้ผู้ร่วมบุญ

นางจีรนันท์กล่าวว่า งานกฐินพระราชทานสามารถสร้างความสัมพันธ์ระหว่างกันได้เป็นอย่างดี ชาวกัมพูชารู้สึกดีกับไทย ยิ่งเป็นงานกฐินพระราชทานครั้งแรกหลังโควิดก็ยิ่งทำให้คนอยากร่วมทำบุญ และช่วยเชื่อมสัมพันธ์ทั้งในส่วนของราชการ นักธุรกิจ และประชาชนของทั้งสองประเทศได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าจะมองไปทางไหนทุกคนต่างยิ้มแย้มและรู้สึกอิ่มบุญ

ฝ่ายกัมพูชาจัดเตรียมขนมแจกจ่ายให้กับผู้ร่วมงาน

ยอดเงินบริจาคจากซึ่งประกอบด้วยเงินพระราชทานจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ร่วมกับเงินทำบุญจากกระทรวงการต่างประเทศ และผู้มีจิตศรัทธาทั้งชาวไทยและกัมพูชาที่สูงถึง 1,774,992 บาท สะท้อนถึงความร่วมแรงร่วมใจในการทำบุญใหญ่ร่วมกันครั้งนี้ได้อย่างงดงาม

ทีมประเทศไทยในกัมพูชา

การเชิญผ้าพระกฐินพระราชทานมาทอดถวาย ณ วัดพุทธในประเทศเพื่อนบ้านและประเทศที่นับถือพุทธศาสนา ไม่เพียงแต่จะกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้น แต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงรากฐานร่วมด้านวัฒนธรรมอันใกล้ชิดผ่านพุทธศาสนา ที่ร้อยรัดทั้งวิถีชีวิตและศรัทธาของเหล่าพุทธบริษัทเข้าไว้ด้วยกันอย่างแนบแน่น ไม่ว่าเราจะอยู่ในประเทศใดก็ตาม

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image