ฮามาสปล่อยตัวประกันรอบ 4 ขยายเวลาหยุดยิงเพิ่ม 2 วัน
อิสราเอลระบุว่าฮามาสได้ปล่อยตัวประกันอิสราเอลรอบ 4 เพิ่มขึ้นอีก 11 คน ซึ่งในจำนวนนี้รวมถึงฝาแฝดวัย 3 ขวบ เมื่อคืนวันที่ 27 พฤศจิกายนตามเวลาท้องถิ่น ทำให้จำนวนตัวประกันที่ถูกฮามาสปล่อยตัวออกมาทั้งหมดจนถึงขณะนี้มีมากกว่า 50 คนแล้ว
โฆษกกระทรวงต่างประเทศกาตาร์ ซึ่งทำหน้าที่คนกลางในการเจรจาไกล่เกลี่ยระหว่างอิสราเอลและฮามาสระบุว่า ในจำนวนบุคคล 11 คนที่ได้รับการปล่อยตัวล่าสุดมีผู้ถือสองสัญชาติซึ่งประกอบด้วยผู้ถือสัญชาติฝรั่งเศส-อิสราเอล 3 คน เยอรมนี-อิสราเอล 2 คน และอาร์เจนตินา-อิสราเอล 6 คน
รายงานข่าวระบุว่า ตัวประกันชาวอิสราเอลทั้งหมดที่ได้รับการปล่อยตัวครั้งล่าสุด มาจากคิบบุตซ์แห่งเดียวกันคือคิบบุตซ์เนียร์ ออซ ซึ่งนายออสนัต เปริ หัวหน้าคิบบุตซ์ดังกล่าวระบุว่า ข่าวนี้นำความโล่งใจมาสู่ชุมชน แต่พวกเขาก็ยังกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับบุคคลอันเป็นที่รักซึ่งยังคงถูกจับเป็นตัวประกัน ทั้งนี้มีจำนวนของสมาชิกในคิบบุตซ์ที่ยังคงไม่ได้รับการปล่อยตัวอีกจำนวนหนึ่งจากที่ถูกพาตัวไปรวม 49 คน
ในขณะเดียวกันอิสราเอลได้ทำการปล่อยตัวนักโทษชาวปาเลสไตน์ที่ถูกคุมขังไว้ในคุกของอิสราเอล 33 คน ตามข้อตกลงในการปล่อยตัวประกัน 1 ต่อ 3 ที่ทั้งสองฝ่ายได้เคยตกลงกันก่อนหน้านี้ ซึ่งในจำนวนผู้ที่ได้รับการปล่อยตัวล่าสุดเป็นเด็ก 30 คนและผู้หญิง 3 คน
ก่อนเวลาของข้อตกลงหยุดยิงแลกตัวประกันระหว่างอิสราเอลกับฮามาสจะยุติลงเพียงไม่นาน กาตาร์ สหรัฐ และฮามาสได้ประกาศว่า อิสราเอลและฮามาสได้ตกลงที่จะขยายระยะเวลาปฏิบัติการภายใต้ข้อตกลงดังกล่าวจากเดิม 4 วันเพิ่มขึ้นอีก 2 วัน
สหรัฐระบุว่า ภายใต้ข้อตกลงใหม่นี้ ฮามาสได้ให้คำมั่นว่าจะปล่อยตัวประกันที่เป็นผู้หญิงและเด็กเพิ่มขึ้นอีก 20 คน
อย่างไรก็ดีทางการอิสราเอลยังออกมายืนยันอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับข้อตกลงขยายเวลาหยุดยิง โดยโฆษกกองกำลังป้องกันอิสราเอลระบุว่า ยังไม่มีอะไรยุติลงจนกว่ามันจะเกิดขึ้นจริงๆ ขณะนี้มีความคืบหน้าในหลายประเด็นแต่เรายังคงต้องอดทนต่อไป และจะทำหน้าที่ในการนำตัวประกันและผู้ที่สูญหายกลับบ้าน
นายอันโตนิอู กุแตเรซ เลขาธิการสหประชาชาติ แสดงความยินดีต่อข้อตกลงขยายเวลาหยุดยิง โดยระบุว่า การขยายเวลาดังกล่าวถือเป็นภาพแห่งความหวังสำหรับมนุษยชาติ ท่ามกลางความมืดมนของสงคราม
กุแตเรซกล่าวว่า เขาหวังเป็นอย่างยิ่งว่าข้อตกลงนี้จะช่วยให้สหประชาชาติสามารถส่งมอบความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมให้กับประชาชนในฉนวนกาซาเพิ่มขึ้น แต่ก็เตือนว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะมันเพียงพอต่อการตอบสนองความต้องการของคนเหล่านั้นได้
