แบงก์ชาติเมียนมา เลิกคุมอัตราแลกเปลี่ยน หวังหนุนการผลิต-ส่งออก อดีตที่ปรึกษาศก.ซูจีชี้ รบ.ทหารส่อมีปัญหา
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า รัฐบาลทหารเมียนมาได้ผ่อนคลายกฎระเบียบควบคุมการแลกเปลี่ยนเงินตราที่เข้มงวดลง โดยสื่อทางการเมียนมารายงานเมื่อวันที่ 6 ธันวาคมว่า ธนาคารกลางเมียนมาจะไม่เป็นผู้กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนสกุลเงินตราต่างประเทศอีกต่อไป และจะอนุญาตให้ธนาคารพาณิชย์และผู้ค้าเงินตราเป็นผู้กำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราเอง ก่อนที่โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมาจะแถลงในเวลาต่อมาเมื่อวันที่ 7 ธันวาคมว่า การผ่อนคลายกฎระเบียบดังกล่าวมีขึ้นเพื่อเพิ่มการส่งออกและส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ
“เพื่อที่จะพัฒนาประเทศของเรา จะต้องส่งเสริมการผลิต เพิ่มปริมาณการส่งออก โดยขณะที่เราดำเนินการนั้น ก็จะมีผลกระทบเล็กน้อยต่อการนำเข้า ตัวอย่างเช่นจะมีผลกระทบต่อภาคส่วนเชื้อเพลิง แต่ก็เป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น” นายซอ มิน ตุน โฆษกรัฐบาลทหารกล่าวผ่านทางเทเลแกรม ขณะที่ก่อนหน้านี้ในเดือนกรกฎคม นายซอ มิน ตุน กล่าวยืนยันว่า เมียนมามีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศเพียงพอ
ทั้งนี้เศรษฐกิจของเมียนมาถดถอยลงอย่างมากหลังเหตุรัฐประหารในปี 2021 และทุนสำรองเงินตราต่างประเทศของเมียนมาก็ตกอยู่ภายใต้แรงกดดันอย่างหนัก หลังจากธนาคารกลางเมียนมาได้เปลี่ยนจากระบบอัตราแลกเปลี่ยนลอยตัวที่มีการจัดการ ไปสู่การกำกับควบคุมโดยฝ่ายบริหาร ซึ่งรวมถึงการกำหนดให้บริษัทต่างๆ เลิกกำหนดอัตราแลกเปลี่ยนเองและรายงานการค้าเงินตราต่อทางการ
นอกจากนี้ทางการเมียนมายังออกมาตรการเข้มงวดหลายอย่างเพื่อระงับอุปสงค์เงินตราต่างประเทศ ตลอดจนปราบปรามการซื้อขายสกุลเงินต่างประเทศในตลาดมืดและเพิกถอนใบอนุญาตรับแลกเปลี่ยนเงินตรามากกว่า 140 รายในปีนี้
ชอน เทอร์เนลล์ นักเศรษฐศาสตร์ชาวออสเตรเลีย ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางเศรษฐกิจให้กับรัฐบาลพลเรือนนางออง ซาน ซูจี ที่ถูกกองทัพยึดอำนาจและถูกรัฐบาลทหารจับกุมคุมขังด้วยก่อนได้รับการปล่อยตัวไปนั้น ได้โพสต์แสดงความเห็นบนเฟซบุ๊กว่า ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของธนาคารกลางเมียนมาเป็นสัญญาณบ่งชี้่ว่ารัฐบาลทหารกำลังประสบปัญหา
“จู่ๆ รัฐบาลทหารก็ยกเลิกอัตราแลกเปลี่ยนคงที่ที่พวกเขาดิ้นรนเพื่อรักษาไว้นับตั้งแต่รัฐประหาร ในความเห็นของผม พวกเขาไม่สามารถจัดหาเงินตราต่างประเทศได้อีกต่อไป” เทอร์เนลล์กล่าว
ก่อนหน้านี้รายงานของธนาคารโลก(เวิลด์แบงก์)เผยแพร่ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาชี้ว่า เศรษฐกิจและค่าเงินของเมียนมาส่งสัญญาณว่ายังมีเสถียรภาพ แต่การลงทุนยังคงอ่อนแอและภาคธุรกิจต่างกำลังต่อสู้กับต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นและความยากลำบากในการเข้าถึงเงินตราต่างประเทศที่จำเป็นในการนำเข้าวัตถุดิบ
ขณะที่ในเดือนสิงหาคมกระทรวงต่างๆ และรัฐบาลท้องถิ่นยังได้รับคำสั่งห้ามใช้สกุลเงินต่างประเทศในการทำธุรกรรมภายในประเทศเพื่อลดแรงกดดันต่อหน่วยงานท้องถิ่น