จีนจัดให้! ทัพเมียนมาหารือกลุ่มกบฏ อียูคว่ำบาตรเพิ่มชุดใหม่
เทเลแกรมของสถานีโทรทัศน์ MRTV ของทางการเมียนมา รายงานว่า นายซอ มิน ตุน โฆษกรัฐบาลทหารเมียนมา ระบุว่า รัฐบาลทหารเมียนมาได้ส่งผู้แทนเพื่อจัดการเจรจากับกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธทั้ง 3 กลุ่มที่ทำการโจมตีต่อต้านรัฐบาลแล้ว ภายใต้การอำนวยความสะดวกของจีน
ซอ มิน ตุน กล่าวว่า คณะกรรมการเอกภาพแห่งชาติและการประสานงานเพื่อสร้างสันติภาพเมียนมาได้พบกับตัวแทนของกองทัพพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติเมียนมาของโกก้าง (MNDAA) กองทัพปลดปล่อยตะอาง (TNLA) และกองทัพอาระกัน (AA) ภายใต้ความช่วยเหลือจากจีน
“จากพัฒนาการของการหารือ มีแนวโน้มว่าจะเกิดการพูดคุยกันอีกครั้งในปลายเดือนธันวาคมนี้” ซอ มิน ตุน ระบุ อย่างไรก็ดีไม่ชัดเจนว่าการประชุมเกิดขึ้นเมื่อใดและที่ไหน อีกทั้งไม่มีการให้รายละเอียดใดๆ เกี่ยวกับสิ่งที่ได้มีการหารือกัน
ด้านตัวแทนของกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธดังกล่าวไม่ตอบคำถามของสื่อ เช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่จีนที่ยังไม่สามารถติดต่อได้เช่นกัน
ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นขณะที่การสู้รบระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ติดอาวุธกับกองทัพเมียนมายังดำเนินไปในพื้นที่ถึง 2 ใน 3 ของประเทศ ส่งผลให้พลเรือนเสียชีวิตแล้วมากกว่า 360 ราย ขณะที่สหประชาชาติระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ขณะนี้มีคนกว่าครึ่งล้านต้องกลายเป็นผู้พลัดถิ่น
ทั้งนี้ กองทัพชาติพันธุ์ติดอาวุธทั้ง 3 กลุ่ม ที่เรียกตัวเองว่าพันธมิตรสามภราดรภาพ (Three Brotherhood Alliance) ได้เข้าร่วมกับรัฐบาลคู่ขนานฝ่ายประชาธิปไตยของเมียนมา และเปิดฉากรุกครั้งใหญ่ต่อกองทัพเมียนมาพร้อมกันในหลายรัฐ สามารถควบคุมฐานทัพทหารหลายแห่งและเมืองต่างๆ ใกล้ชายแดนติดกับจีนในรัฐทางตอนเหนือและตะวันตก
ด้านสหภาพยุโรป (อียู) ได้ประกาศเมื่อวันที่ 11 มกราคม เพิ่มการคว่ำบาตรต่อบุคคลภายในและบุคคลที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลทหารเมียนมาเพิ่มขึ้นอีกชุด โดยเป็นบุคคล 4 คนในรัฐบาลและกองทัพเมียนมา และผู้จัดหาอาวุธให้กับกองทัพเมียนมาอีก 2 ราย
อียูระบุว่า รายชื่อดังกล่าวประกอบด้วยรัฐมนตรีในสภาบริหารแห่งรัฐของเมียนมา (SAC) 2 คน และผู้บัญชาการที่รับผิดชอบต่อการโจมตีทางอากาศที่มุ่งเป้าไปที่พลเรือนโดยเฉพาะในรัฐกะยา
ส่วนบริษัทอีก 2 แห่งที่จัดหาอาวุธและยุทโธปกรณ์ให้กับกองทัพเมียนมาที่ถูกคว่ำบาตร ประกอบด้วย กลุ่มบริษัทสตาร์ แซฟไฟร์ และบริษัท รอยัล ชุน เล่ย จำกัด ที่จะต้องเจอกับมาตรการคว่ำบาตรจากอียูด้วยเช่นกัน
ภายใต้มาตรการคว่ำบาตรดังกล่าว เงินทุนของผู้ที่อยู่ในบัญชีรายชื่อที่ถูกคว่ำบาตรในอียูจะถูกอายัดไว้ และบุคคลเหล่านี้ยังถูกห้ามไม่ให้เดินทางเข้าไปในอียูอีกด้วย
