สมาคมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ(เอฟซีซีที)ออกแถลงการณ์ เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา แสดงความวิตกหลังรัฐบาลไทยออกกฎการออกวีซ่าให้กับผู้สื่อข่าวต่างประเทศขึ้นใหม่ โดยเอฟซีซีทีแสดงความห่วงกังวลว่ามาตรการดังกล่าวจะขัดขวางเสรีภาพในการทำงานของผู้สื่อข่าวต่างประเทศในไทย
แถลงการณ์ของเอฟซีซีทีระบุว่า มาตรการการออกวีซ่าให้ผู้สื่อข่าวต่างประเทศซึ่งเผยแพร่ผ่านแถลงของกระทรวงต่างประเทศในวันเดียวกัน เป็นการประกาศกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดในการออกวีซ่าให้กับผู้สื่อข่าวอย่างเป็นทางการ หลังมาตรการดังกล่าวมีผลบังคับใช้มาก่อนหน้านี้แล้วในช่วงเดือนที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้สื่อข่าวโดยเฉพาะช่างภาพที่รายงานข่าวในประเทศไทยมาเป็นเวลานานต้องโดนปฏิเสธการออกวีซ่า เป็นสิ่งที่บั่นทอนกำลังใจเป็นอย่างยิ่ง
เอฟซีซีที่ ทราบดีว่ากระทรวงต่างประเทศมีสิทธิที่จะพิจารณาว่าใครควรได้รับการออกวีซ่า สมาชิกคณะกรรมการสมาคมผู้สื่อข่าวยินดีที่จะมีโอกาสได้ร่วมแลกเปลี่ยนเกี่ยวกับแนวทางใหม่ ซึ่งในบางส่วนก็เป็นที่ยอมรับ ในที่นี้รวมถึงการผ่อนผันระยะเวลาให้กับผู้สื่อข่าวที่จะต้องพบกับการเปลี่ยนแปลงในชีวิตการทำงาน
แถลงการณ์ของเอฟซีซีทีเรียกร้องให้ทางการไทยตีความแนวทางใหม่ ซึ่งจะช่วยให้ผู้สื่อข่างที่แท้จริงทั้งหมดได้รับการรับรองและสามารถรายงานข่าวได้อย่างเสรีและเป็นธรรม พร้อมทั้งย้ำว่า ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของสื่อมวลชนในภูมิภาคมาอย่างยาวนาน ขณะที่ผู้สื่อข่าวต่างประเทศที่มีฐานปฏิบัติงานในกรุงเทพฯ มีส่วนช่วยให้นานาชาติมีความเข้าใจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกได้มากขึ้น
ทั้งนี้แถลงการณ์ของกระทรวงต่างประเทศที่เผยแพร่ออกมาในวันเดียวกัน ระบุถึงแนวทางปรับปรุงการพิจารณาการตรวจลงตราประเภทคนอยู่ชั่วคราว รหัส M ให้แก่สื่อมวลชนต่างประเทศ
โดยกำหนดเงื่อนไขให้กับผู้ที่จะออกวีซ่าการทำงานในฐานะสื่อต่างประเทศไว้หลายประการเช่นต้องอยู่ในสังกัดสำนักข่าวที่ได้รับการจดทะเบียนจัดตั้งสำนักงานอย่างถูกต้องในประเทศไทยหรือในต่างประเทศ ต้องประกอบอาชีพผู้สื่อข่าวเต็มเวลา และต้องไม่ประกอบอาชีพอื่นใดระหว่างพำนักในประเทศไทย นอกจากเป็นผู้สื่อข่าว รวมไปถึงต้องไม่มีผลงานหรือพฤติการณ์เป็นที่น่าเชื่อว่าเป็นบุคคลที่เป็นภัยต่อสังคม โดย ผู้สื่อข่าวในที่นี้ครอบคลุมถึงผู้สื่อข่าวด้านการเมืองและเศรษฐกิจ ในส่วนของผู้เขียนบทความหรือเผยแพร่ข่าวสารด้านบันเทิง สันทนาการ กีฬา แฟชั่น ตกแต่งบ้าน และเผยแพร่ศาสนา จะได้รับการพิจารณาตามเอกสารเพิ่มเติมที่ร้องขอเป็นรายกรณี
แถลงการณ์ระบุด้วยว่า แนวทางดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 21 มีนาคมเป็นต้นไป ส่วนผู้สื่อข่าวที่ได้รับผลกระทบจากแนวทางใหม่นี้จะได้รับการช่วยเหลือด้วยการต่อวีซ่าที่มีอยู่เป็นการชั่วคราวเพื่อให้สามารถปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นได้
คลิกอ่าน ลิงค์ข่าวที่เกี่ยวข้อง
