UN เผย 1.5 แสนปาเลสไตน์หนีตาย หลังอิสราเอลรุกคืบฉนวนกาซาตอนกลาง
สหประชาชาติเผยว่า ชาวปาเลสไตน์ราว 150,000 คนถูกบังคับให้ต้องหลบหนีออกจากพื้นที่ในตอนกลางของฉนวนกาซา หลังจากกองกำลังป้องกันอิสราเอล (ไอดีเอฟ) ได้รุกคืบเข้าไปยังค่ายผู้ลี้ภัยในพื้นที่ดังกล่าว
ผู้เห็นเหตุการณ์และกลุ่มติดอาวุธฮามาสระบุว่า รถถังของอิสราเอลได้เข้ามาถึงบริเวณพื้นที่ด้านตะวันออกของค่ายบูเรจแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ไอดีเอฟได้ขยายพื้นที่ในปฏิบัติการภาคพื้นดินเพื่อกำหนดเป้าหมายมายังค่ายผู้ลี้ภัยแห่งนี้ ซึ่งอยู่ใกล้เคียงกับค่ายนูเซรัตและมากาซี
กองทัพอิสราเอลได้เรียกร้องให้ผู้ที่อยู่ในฉนวนกาซาตอนกลางอพยพออกจากพื้นที่ ซึ่งรวมถึงผู้ที่อาศัยอยู่ในค่ายบูเรจและนูเซรัต โดยบอกให้ชาวปาเลสไตน์เกือบ 90,000 คน และผู้พลัดถิ่นอีก 61,000 คนในพื้นที่ดังกล่าวย้ายลงไปทางตอนใต้ไปยังเมืองเดอีร์ อัล-บาลาห์
อย่างไรก็ดี สหประชาชาติออกมาเตือนว่าชาวปาเลสไตน์เหล่านี้ไม่มีที่ไป เนื่องจากเดอีร์ อัล-บาลาห์ ก็มีผู้คนอยู่หนาแน่นมากเกินไปอยู่แล้ว เนื่องจากมีผู้พลัดถิ่นหลายแสนคนไปกระจุกตัวอยู่ที่นั่น
ดาเนียล ฮาการี โฆษกไอดีเอฟระบุว่า เมืองแห่งนี้เป็นศูนย์บัญชาการก่อการร้ายหลักของฮามาส ไอดีเอฟกำลังสู้รบในพื้นที่เมืองบูเรจเป็นวันที่ 3 และพวกเขากำลังกำจัดผู้ก่อการร้ายจำนวนมาก และทำลายโครงสร้างพื้นฐานของผู้ก่อการร้ายด้วย
ด้านกระทรวงสาธารณสุขของฉนวนกาซาเผยตัวเลขผู้เสียชีวิตจากการโจมตีของอิสราเอลนับตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม อยู่ที่มากกว่า 21,300 รายแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิง
