มือบึ้มญี่ปุ่นต่อเนื่อง ที่หนีคดีมาได้เกือบ 50 ปี เสียชีวิตแล้วจากมะเร็ง หลังเพิ่งเผยตัวไม่กี่วันก่อน
นายซาโตชิ คิริชิมะ ผู้ก่อการร้ายที่เป็นที่ต้องการตัวมากที่สุดคนหนึ่งของทางการญี่ปุ่น ซึ่งหลบหนีคดีมานานเกือบ 50 ปี ได้เสียชีวิตลงแล้วจากโรคมะเร็งลำไส้ ที่โรงพยาบาลในเมืองคามาคุระ จังหวัดคานางาวะ ใกล้กับกรุงโตเกียว เมื่อเช้าวันจันทร์ (29 ม.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น
ไม่กี่วันหลังจากที่สื่อท้องถิ่นรายงานว่า ผู้ก่อการร้ายที่ต้องสงสัยเป็นมือก่อเหตุระเบิดโจมตีในประเทศญี่ปุ่นต่อเนื่องรายนี้ ซึ่งปัจจุบันมีอายุ 70 ปีนั้น ถูกจับตัวได้เมื่อสัปดาห์ก่อน เมื่อเขายอมเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงหลังเข้ามารักษาตัวที่โรงพยาบาลโดยใช้ชื่อปลอม
แหล่งข่าวในสำนักงานตำรวจเปิดเผยกับหนังสือพิมพ์อาซาฮีว่า เจ้าหน้าที่ชุดสอบสวนจะยังต้องทำการตรวจดีเอ็นเอของชายผู้เสียชีวิตรายนี้ แม้มีความเป็นไปได้สูงว่าเขาคือนายคิริชิมะตัวจริงก็ตาม
ทั้งนี้ ซาโตชิ คิริชิมะ ซึ่งใช้ชื่อปลอมว่า ฮิโรชิ อูจิดะ เกิดที่เมืองฮิโรชิมา เมื่อเดือนมกราคมปี 1954 เขาได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัย ก่อนจะถูกดึงเข้าร่วมกับแนวร่วมติดอาวุธต่อต้านญี่ปุ่นเอเชียตะวันออก ซึ่งเป็นกลุ่มการเมืองปีกซ้ายสุดโต่งและเป็นหนึ่งในกลุ่มติดอาวุธที่เคลื่อนไหวร่วมกับกองทัพแดงของญี่ปุ่นในช่วงทศวรรษ 1970 ซึ่งกลุ่มติดอาวุธได้เคลื่อนไหวก่อเหตุระเบิดโจมตีครั้งใหญ่หลายครั้งในญี่ปุ่น
คิริชิมะ ต้องสงสัยว่าเป็นมือวางระเบิดโจมตีตึกหลังหนึ่งในย่านกินซา ในกรุงโตเกียว เมื่อวันที่ 19 เมษายนปี 1975 แต่โชคดีไม่มีผู้เสียชีวิต ซึ่งทำให้นายคิริชิมะหลบหนีคดีไปนับตั้งแต่นั้น
ขณะที่แนวร่วมติดอาวุธต่อต้านญี่ปุ่นเอเชียตะวันออกยังก่อเหตุโจมตีบริษัทใหญ่ๆ ในญี่ปุ่น ที่รวมถึงเหตุระเบิดโจมตีสำนักงานใหญ่ของบริษัทมิตซูบิชิ เฮฟวี อินดรัสตี ในกรุงโตเกียว เมื่อปี 1974 ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 8 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 165 คน
การเปิดเผยตัวตนของมือระเบิดต่อเนื่องรายนี้หลังหลบหนีคดีไปได้นานเกือบ 50 ปี เป็นข่าวใหญ่ที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากคนญี่ปุ่น หลังสื่อรายงานข่าวการพบตัวผู้ก่อการร้ายรายนี้ และเผยให้เห็นการอำพรางตัวเพื่อหลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยการใช้ชื่อปลอม จนเขาเข้าทำงานที่บริษัทก่อสร้างแห่งหนึ่งในเมืองฟูจิซาวา ในจังหวัดคานางาวะ ได้เป็นเวลาหลายสิบปี ก่อนที่คิริชิมะจะป่วยและเข้ารักษาตัวเป็นคนไข้นอกของโรงพยาบาลเมื่อต้นปีนี้
คิริชิมะได้เปิดเผยตัวตนที่แท้จริงเมื่อปลายสัปดาห์ก่อน โดยบอกว่าเขาต้องการปิดฉากชีวิตภายใต้ชื่อเสียงเรียงนามที่แท้จริงของตนเอง
