อิสราเอลขีดเส้นตาย ถล่ม ‘ราฟาห์’ 10 มี.ค. เว้นแต่ฮามาสปล่อยตัวประกันทั้งหมด
เบนนี แกนต์ซ สมาชิกคณะรัฐมนตรีสงครามของอิสราเอล ออกมาเตือนให้กลุ่มฮามาสปล่อยตัวประกันทั้งหมดที่ถูกจับกุมตัวอยู่ในฉนวนกาซาภายในวันที่ 10 มีนาคมนี้ ไม่เช่นนั้นกองกำลังป้องกันตนเอง (ไอดีเอฟ) ของอิสราเอล ก็จะปฏิบัติการรุกเข้าไปยังเมืองราฟาห์ในฉนวนกาซา
แกนต์ซ ซึ่งเคยเป็นอดีตรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล กล่าวว่า โลกต้องรู้ และผู้นำฮามาสก็ต้องรู้ หากก่อนเดือนรอมฎอนตัวประกันของเขายังไม่ได้กลับบ้าน การต่อสู้ก็จะดำเนินต่อไปในทุกหนแห่ง ซึ่งรวมถึงในราฟาห์ด้วย
ทั้งนี้ เดือนรอมฎอน ซึ่งเป็นเดือนถือศีลอดอันศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาอิสลามจะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 10 มีนาคมนี้
แกนต์ซกล่าวด้วยว่า อิสราเอลจะทำงานด้วยการสอดประสาน อำนวยความสะดวกในการอพยพพลเรือน ภายใต้การหารือกับพันธมิตรชาวอเมริกันและอียิปต์ เพื่อลดการบาดเจ็บและล้มตายของพลเรือนให้เหลือน้อยที่สุด
คำประกาศดังกล่าวถือเป็นครั้งแรกที่อิสราเอลให้กำหนดเวลาที่ชัดเจนว่า ไอดีเอฟจะบุกเข้าไปในเมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของฉนวนกาซา ซึ่งมีชาวปาเลสไตน์ประมาณ 1.5 ล้านคนหลบหนีการสู้รบหลั่งไหลเข้าไปพักพิงอยู่ นับตั้งแต่สงครามระหว่างอิสราเอล-ฮามาสเริ่มขึ้นในวันที่ 7 ตุลาคมปีก่อน
ขณะที่คำกล่าวถึงอียิปต์ของแกนต์ซทำให้มีการคาดเดามากขึ้นว่า อิสราเอลคาดหวังว่าชาวปาเลสไตน์บางส่วนจะเดินทางออกจากฉนวนกาซา เพื่อไปหาที่พักพิงบริเวณชายแดนฝั่งอียิปต์ ซึ่งพอล อดัมส์ ผู้สื่อข่าวสายการทูตของบีบีซีระบุว่า ดูเหมือนเจ้าหน้าที่กำลังสร้างกำแพงล้อมรอบขนาดใหญ่เพื่อจุดประสงค์นี้
ก่อนหน้านี้องค์การอนามัยโลกระบุว่า โรงพยาบาลสำคัญในฉนวนกาซาได้หยุดให้บริการแล้วหลังการโจมตีของอิสราเอล โดยองค์การอนามัยโลกไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปยังโรงพยาบาลนัสเซอร์ในเมืองข่าน ยูนิส ทางตอนเหนือของราฟาห์เพื่อประเมินสถานการณ์ในพื้นที่
ทั้งนี้ ไอดีเอฟได้บุกเข้าไปในโรงพยาบาลนัสเซอร์ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ โดยระบุว่ามีข้อมูลข่าวกรองว่ากลุ่มฮามาสควบคุมตัวประกันอยู่ภายในโรงพยาบาล พร้อมทั้งยืนยันว่า ปฏิบัติการของไอดีเอฟเป็นไปอย่างแม่นยำและจำกัด พร้อมกับกล่าวหาฮามาสว่าใช้พื้นที่ของโรงพยาบาลเพื่อการก่อการร้าย
