สำนักข่าวเอเอฟพีและซีเอ็นเอ็นรายงานว่า นางเมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลข 1 ของสหรัฐอเมริกา ปรากฏตัวในแบบผิดที่ ผิดเวลาเป็นอย่างยิ่ง
นิตยสารวานิตีแฟร์ เวอร์ชั่นเม็กซิโกทวีตภาพหน้าปกฉบับเดือนกุมภาพันธ์ ที่มีนางทรัมป์ขึ้นปก เมื่อคืนวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ประธานาธิบดีเอ็นริเก เปนญา นีเอโต ของเม็กซิโก ประกาศยกเลิกการเดินทางไปยังกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ของสหรัฐในสัปดาห์หน้าเพื่อพบหารือกับนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ หลังนายทรัมป์ลงนามในคำสั่งผู้บริหารให้มีการสร้างกำแพงกั้นพรมแดนระหว่าง 2 ชาติ และจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากเม็กซิโก 20 เปอร์เซ็นต์เพื่อนำมาใช้เป็นงบประมาณในการก่อสร้าง ส่งผลให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างแพร่หลายในโซเชียลมีเดียของเม็กซิโกเมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา
ภาพหน้าปกของวานิตีแฟร์เม็กซิโกฉบับเดือนกุมภาพันธ์ เป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของสหรัฐ ใช้ช้อนตักสร้อยคอขึ้นมาพร้อมกับใช้ส้อมม้วนประหนึ่งสร้อยเป็นเส้นพาสต้า พร้อมคำโปรยบนหน้าปกประโยคหนึ่งที่เขียนว่า “แจ็คกี เคนเนดี คนใหม่” เรียกเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากคนเม็กซิกันจำนวนมากที่กำลังอยู่ในอารมณ์โกรธเคือง ไม่พอใจนายทรัมป์ ในช่วงเวลาที่ทั้ง 2 ประเทศขัดแย้งกันทางการทูตครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายทศวรรษ
ผู้ใช้โซเชียลมีเดียในเม็กซิโกส่วนหนึ่งระบุว่า วานิตีแฟร์ “ทำให้เม็กซิโกเสื่อมเสียเกียรติ” และ “มีรสนิยมย่ำแย่” อาทิ เดนีเซ เดรสเซร์ นักคิดนักเขียนชื่อดังของเม็กซิโกที่ทวีตข้อความว่า “ขอบคุณวานิตีแฟร์เม็กซิโกที่นำเมลาเนีย ทรัมป์มาขึ้นปก นี่เป็นตัวอย่างที่ยอดเยี่ยมของความอ่อนไหว อารมณ์ร่วม ความรักชาติ และความเฉลียวฉลาดของบรรณาธิการ”
ด้านวานิตีแฟร์เม็กซิโกออกแถลงการณ์ชี้แจงบนเว็บไซต์หลังได้รับเสียงโจมตีอย่างรุนแรงระบุว่า “เราเข้าใจถึงความซับซ้อนของสถานการณ์ที่บังเอิญเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกับภาพหน้าปกของเรา แต่ความตั้งใจของเราคือการนำเสนอในฐานะสื่อที่เป็นอิสระในการแสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์ปัจจุบันและตัวละครที่มีส่วนร่วม”
ทั้งนี้ ภาพปกและเนื้อหาเกี่ยวกับนางทรัมป์ในวานิตีแฟร์เม็กซิโกฉบับนี้ เป็นการนำสิ่งที่เคยตีพิมพ์ลงในนิตยสารจีคิว ฉบับเดือนเมษายนปีที่แล้วมาลงซ้ำใหม่ โดยนิตยสารทั้ง 2 ฉบับนี้เป็นของบริษัทคอนเด นาสต์ เหมือนกัน
ข่าวระบุว่า เมื่อเดือนธันวาคมที่ผ่านมา วานิตีแฟร์เวอร์ชั่นของสหรัฐถูกนายทรัมป์ทวีตข้อความโจมตีอย่างรุนแรง หลังนิตยสารลงบทวิจารณ์ร้านอาหารแห่งหนึ่งของนายทรัมป์ในเชิงลบ ทำให้หลังจากนั้น มียอดผู้สมัครสมาชิกนิตยสารเพิ่มขึ้นมากเป็นประวัติการณ์
