ปีเดียวไป! ปธน.เวียดนาม ’หวอ วัน เถือง’ ลาออก คาดพัวพันทุจริต
พรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามระบุว่า ได้ยอมรับการลาออกของประธานาธิบดีนายหวอ วัน เถือง เมื่อวันที่ 20 มีนาคม ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณของความวุ่นวายทางการเมืองที่อาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนจากต่างประเทศ
รัฐบาลเวียดนามกล่าวในแถลงการณ์ว่า นายเถืองได้ละเมิดกฎของพรรค ซึ่งข้อบกพร่องเหล่านั้นส่งผลเสียต่อความเห็นสาธารณะ ส่งผลกระทบต่อชื่อเสียงของพรรค ต่อรัฐ และต่อตัวเขาเอง
คณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ซึ่งถือเป็นหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตัดสินใจในระดับสูงภายในพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม ให้การอนุมัติการลาออกของเขาเพียงหนึ่งปีหลังจากการตั้งให้นายเถืองขึ้นดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ที่แม้ว่าจะมีบทบาทเน้นไปในเรื่องพิธีการ แต่ก็ถือเป็นหนึ่งใน 4 ตำแหน่งทางการเมืองอันดับต้นของเวียดนาม
คำประกาศดังกล่าวมีขึ้นเพียงหนึ่งวันก่อนการประชุมสมัยวิสามัญของรัฐสภาเวียดนาม ซึ่งกำหนดที่จะจัดขึ้นในวันที่ 21 มีนาคมนี้ โดยคาดว่าจะมีการให้การรับรองการตัดสินใจของพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนามเกี่ยวกับการลาออกของนายเถือง
แม้ถ้อยแถลงของรัฐบาลเวียดนามจะไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับข้อบกพร่องของนายเถือง แต่การเปลี่ยนแปลงผู้นำครั้งใหญ่ของพรรคเมื่อเร็วๆ นี้ ล้วนแต่มีส่วนเชื่อมโยงกับการต่อต้านการทุจริตคอรัปชั่นในวงกว้าง
นายเถืองลาออกเพียงไม่กี่วันหลังจากที่ตำรวจเวียดนามประกาศจับกุมอดีตผู้บริหารจังหวัดกว๋างหงาย ทางตอนกลางของประเทศ เกี่ยวกับข้อหาทุจริตคอรัปชั่นเมื่อ 10 ปีก่อน ซึ่งขณะนั้นนายเถืองดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าพรรคคอมมิวนิสต์ในจังหวัดดังกล่าว
นอกจากนี้นายเถืองยังเคยเป็นเจ้าและที่อาวุโสของพรรคในนครโฮจิมินห์ ซึ่งมีข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการฉ้อโกงมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐที่มีการดำเนินการกันมาอย่างยาวนาน โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการดำเนินการพิจารณาคดีครั้งใหญ่
การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่เกิดขึ้นในรอบหนึ่งปีของเวียดนามได้สร้างแรงสั่นสะเทือนต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ โดยหลังมีข่าวออกมาครั้งแรกเกี่ยวกับการลาออกของนายเถืองเมื่อวันจันทร์ ตลาดหลักทรัพย์ในโฮจิมินห์ซึ่งเป็นตลาดหลักทรัพย์หลักของเวียดนามได้ร่วงลงเกือบ 3% โดยนักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้นในช่วงสองวันแรกของสัปดาห์นี้ไปแล้วราว 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
บริษัทที่ปรึกษาต่างชาติในเวียดนามกล่าวว่า การถอดถอนนายเถืองอาจส่งผลให้การตัดสินใจด้านนโยบายและการบริหารของรัฐบาลเวียดนามล่าช้าลง เนื่องจากเจ้าหน้าที่มีความวิตกกังวลมากขึ้นเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายในการต่อต้านการทุจริต