วิจัยชี้ เนื้อเพลงมีความเรียบง่าย-ท่อนซ้ำ แถมมีความโกรธ-หลงตัวเอง มากกว่าเมื่อก่อน
สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า รายงานการศึกษาที่เผยแพร่ลงในวารสาร Scientific Reports ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 28 มีนาคม ชี้ว่าเนื้อเพลงต่างๆ มีความเรียบง่ายและมีท่อนเพลงซ้ำๆ มากขึ้น อีกทั้งยังแสดงถึงความโกรธและหลงตัวเองมากขึ้นตลอดช่วง 40 ปีที่ผ่านมา
ทีมนักวิจัยของยุโรปได้ทำการวิเคราะห์ถ้อยคำในเพลงภาษาอังกฤษกว่า 12,000 เพลง ไม่ว่าจะเป็นเพลงประเภทแร็พ คันทรี ป๊อป อาร์แอนด์บี และร็อค ที่ปล่อยออกสู่ตลาดเพลงระหว่างปี 1980 – 2020 ทีมนักวิจัยได้ศึกษาอารมณ์ที่เนื้อเพลงถ่ายทอด มีการใช้คำที่แตกต่างและซับซ้อนมากน้อยแค่ไหน และมีการใช้คำซ้ำในเนื้อเพลงบ่อยแค่ไหน
เอวา แซงเกอร์เล ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยอินส์บรุค ประเทศออสเตรีย ผู้จัดทำรายงานการศึกษาดังกล่าว บอกว่าเนื้อเพลงสามารถเป็น “กระจกสะท้อนสังคม” ซึ่งสะท้อนถึงค่านิยมทางวัฒนธรรม อารมณ์ และความสนใจของผู้คนที่เปลี่ยนแปลงไปตามเวลา
แซงเกอร์เล กล่าวว่า เนื้อเพลงทุกแนวมีแนวโน้มที่จะมีความเรียบง่ายและมีท่อนเพลงซ้ำมากขึ้น และยืนยันผลการศึกษาก่อนหน้านี้ที่บอกว่าเพลงมีเนื้อหาเชิงบวกและแสดงถึงความสุขน้อยลง แต่มีการแสดงถึงความโกรธ ความรังเกียจ และความเศร้ามากขึ้น
นอกจากนั้นแล้ว เนื้อเพลงยังมีความหลงตัวเองมากขึ้น โดยมีคำว่า “ฉัน” หรือ “ของฉัน” มากขึ้น แนวเพลงที่มีการใช้ท่อนเพลงซ้ำๆ มากที่สุดคือเพลงแร็พ เนื่องจากเนื้อเพลงแร็พมีความยาวมากที่สุด และแสดงถึงความโกรธมากที่สุดเมื่อเทียบกับเพลงแนวอื่นๆ
วิธีการที่ผู้คนฟังเพลงก็มีความเปลี่ยนแปลงอย่างมากตลอด 40 ปีดังกล่าว ตั้งแต่การฟังเพลงโดยใช้แผ่นเสียงและเทปคาสเซ็ทในช่วงทศวรรษที่ 1980 มาจนถึงยุครุ่งเรืองของแผ่นซีดีในทศวรรษที่ 1990 และการเข้าสู่ยุคอินเตอร์เน็ตจนมาถึงการฟังเพลงผ่านแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งเช่นในปัจจุบัน
แซงเกอร์เล กล่าวว่า อีกหนึ่งความเปลี่ยนแปลงในวงการเพลงคือ ช่วง 10 – 15 วินาทีแรกของเพลงจะเป็นการตัดสินว่าผู้ฟังจะฟังเพลงนี้ต่อหรือข้ามเพลงนี้ รายงานการวิจัยก่อนหน้านี้ได้ชี้ว่า คนสมัยนี้เปิดเพลงเพื่อเป็นเสียง background มากขึ้น ดังนั้น เพลงที่มีท่อนคอรัสที่ร้องเพลงท่อนเดิมๆ เนื้อหาเรียบง่ายจึงเป็นที่นิยมมากขึ้น เพราะเป็นที่จดจำได้ง่ายขึ้น
