คณะมนตรีสิทธิมนุษยชน UN จ่อถกข้อมติ ระงับขายอาวุธให้อิสราเอล
คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (UNHRC) เตรียมที่จะพิจารณาร่างมติเรียกร้องให้มีการยุติการขายอาวุธให้อิสราเอลในวันที่ 5 เมษายนนี้
หากมีการผ่านมติดังกล่าวก็จะถือเป็นครั้งแรกที่หน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติ ได้แสดงจุดยืนในสงครามฉนวนกาซาที่นองเลือดที่สุดเท่าที่เคยมีมา และยืดเยื้อมานานเข้าสู่เดือนที่ 6
ร่างข้อมติดังกล่าวที่มีการเผยแพร่เมื่อวันที่ 3 เมษายน ได้ประณามการใช้ความอดอยากหิวโหยของพลเรือนเป็นกลวิธีในการทำสงครามในฉนวนกาซา และเรียกร้องให้อิสราเอลยึดมั่นต่อความรับผิดชอบทางกฎหมายในการป้องกันการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์
ร่างข้อมตินี้นำเสนอโดยปากีสถานในนามของสมาชิก 55 จาก 56 ประเทศซึ่งเป็นสมาชิกขององค์การความร่วมมืออิสลาม (โอไอซี) ในสหประชาชาติ โดยยกเว้นเพียงชาติเดียวคือแอลเบเนีย ทั้งยังได้รับความสนับสนุนจากโบลิเวีย คิวบา และสำนักงานผู้แทนชาวปาเลสไตน์ในนครเจนีวาอีกด้วย
ข้อความในร่างข้อมติยังเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการยึดครองดินแดนปาเลสไตน์ ยกเลิกการปิดล้อมฉนวนกาซา และการลงโทษแบบเหมารวมในรูปแบบอื่นๆ ทันที
พร้อมกันนี้ยังเรียกร้องให้กับทุกรัฐยุติการขาย โอน และถ่ายเทอาวุธยุทโธปกรณ์ และอุปกรณ์ทางทหารอื่นๆ ให้กับอิสราเอล เพื่อป้องกันการละเมิดกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ ตลอดจนล่วงละเมิดและข่มเหงย่ำยีสิทธิมนุษยชน
นอกจากนี้ยังมีการประณามการใช้ระเบิดที่ส่งผลกระทบเป็นวงกว้างของอิสราเอลในพื้นที่ที่มีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นในฉนวนกาซา และการใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อช่วยในการตัดสินใจในปฏิบัติการทางทหาร ซึ่งอาจนำไปสู่การก่ออาชญากรรมระหว่างประเทศ
ร่างข้อมติดังกล่าวยังเรียกร้องให้รัฐต่างๆ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าองค์การบรรเทาทุกข์และจัดหางานแห่งสหประชาชาติสำหรับผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ในตะวันออกใกล้ (UNRWA) ซึ่งเป็นหน่วยงานของสหประชาชาติที่ให้การช่วยเหลือผู้ลี้ภัยชาวปาเลสไตน์ได้รับเงินทุนเพียงพอ พร้อมกับเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการขยายตั้งถิ่นฐานในดินแดนปาเลสไตน์
นอกจากนี้ยังมีการเตือนไม่ให้เหมารวมการวิพากษ์วิจารณ์อิสราเอลเข้ากับการต่อต้านชาวยิว พร้อมกับเรียกร้องให้มีการหยุดยิงทันที และเปิดทางสำหรับความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรมเป็นการเร่งด่วน
ทั้งนี้ มี 47 ประเทศที่ทำหน้าที่ในคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ซึ่งในจำนวนนี้ 18 ประเทศได้ร่วมเสนอร่างข้อมติดังกล่าว โดยจำเป็นต้องได้รับเสียงสนับสนุน 24 ประเทศ เพื่อให้ข้อมตินี้มีเสียงข้างมากอย่างสมบูรณ์ อย่างไรก็ดี ข้อมตินี้อาจผ่านการรับรองได้โดยใช้คะแนนเสียงที่น้อยลงหากมีการงดออกเสียงเกิดขึ้น
คณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติจะนำร่างข้อมติดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมในวันศุกร์นี้ ร่วมกับอีกสามประเด็นเกี่ยวกับการตั้งถิ่นฐานของชาวอิสราเอล สิทธิของชาวปาเลสไตน์ในการตัดสินใจด้วยตัวเอง และสิทธิมนุษยชนในที่ราบสูงโกลันของซีเรียที่ถูกยึดครอง
อิสราเอลกล่าวหาคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติมาอย่างยาวนานว่ามีอคติต่ออิสราเอล