‘ไทย-เวียดนาม’ยกระดับสัมพันธ์ หุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้าน

‘ไทย-เวียดนาม’ยกระดับสัมพันธ์
หุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้าน

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา นายบุ่ย แทงห์ เซิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเวียดนาม เดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการตามคำเชิญของ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ซึ่งไม่ได้เป็นเพียงการเยือนไทยครั้งแรกของนายบุ่ย แทงห์ เซิน เพื่อตอบแทนการเยือนเวียดนามของนายปานปรีย์เมื่อเดือนตุลาคมปีก่อน แต่ยังเป็นการเยือนเพื่อเป็นประธานร่วมในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมว่าด้วยความร่วมมือทวิภาคี (เจซีบีซี) ไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 5 อีกด้วย

นายบุ่ย แทงห์ เซิน ได้เยี่ยมคารวะ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยนายกฯเศรษฐายินดีกับความสัมพันธ์ไทย-เวียดนามที่มีพลวัตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผ่านกรอบยุทธศาสตร์ความร่วมมือทางเศรษฐกิจอิรวดี-เจ้าพระยา-แม่โขง (ACMECS) ทั้งสองประเทศต่างมีศักยภาพและเป็นประเทศที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจหลักในอาเซียน จึงควรร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อสนับสนุนสันติภาพควบคู่กับการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาค

Advertisement

นอกจากนี้ นายกฯเศรษฐาพร้อมที่จะเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการและเป็นประธานร่วมในการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการ (JCR) ไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 4 ในเดือนมิถุนายนปีนี้ ซึ่งจะเป็นโอกาสที่มีการประกาศยกระดับความสัมพันธ์เป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้าน (Comprehensive Strategic Partnership) ระหว่างสองประเทศด้วย

ขณะที่ในการหารือเจซีบีซีไทย-เวียดนาม ครั้งที่ 5 ที่นายปานปรีย์เป็นประธานร่วมกับนายบุ่ย แทงห์ เซิน และมีผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของสองประเทศเข้าร่วม เพื่อติดตามพัฒนาการและหารือแนวทางการส่งเสริมความร่วมมือทวิภาคีไทย – เวียดนามนั้น รัฐมนตรีทั้งสองพอใจกับพัฒนาการในเชิงบวกของความเป็นหุ้นส่วนระหว่างไทยกับเวียดนามในทุกด้าน และมีความมุ่งมั่นเดียวกันที่จะทำให้แน่ใจว่า ไทยและเวียดนามจะเติบโตและเจริญรุ่งเรืองไปด้วยกัน ในฐานะเพื่อนบ้านที่ใกล้ชิดและหุ้นส่วนยุทธศาสตร์

ความเป็นหุ้นส่วนด้านการเมืองและความมั่นคง

Advertisement

สองฝ่ายเห็นพ้องให้มีการประกาศยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างไทยกับเวียดนามเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้าน (Comprehensive Strategic Partnership) ในช่วงการเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการของนายกรัฐมนตรีและการประชุม JCR ไทย – เวียดนาม ต่างก็ยินดีที่ไทยจะเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่สถาปนาความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้านกับเวียดนาม และตกลงที่จะทำงานร่วมกันเพื่อส่งเสริมสันติภาพ เสถียรภาพ และความมั่งคั่งของสองประเทศและภูมิภาค

รัฐมนตรีทั้งสองพอใจกับการมีปฏิสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องระหว่างหน่วยงานทหารและความมั่นคงของสองประเทศ และสนับสนุนความร่วมมือที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นในการรับมือกับความท้าทายร่วมกันในด้านความมั่นคง เช่น อาชญากรรมข้ามชาติ และการทำประมงผิดฎหมาย ขาดการรายงาน และไร้การควบคุม

ความเป็นหุ้นส่วนด้านเศรษฐกิจ

ปัจจุบัน ไทยเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของเวียดนามในอาเซียน ขณะที่เวียดนามเป็นคู่ค้าอันดับ 2 ของไทยในอาเซียน สองฝ่ายตกลงที่จะอำนวยความสะดวกและส่งเสริมการค้า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการค้าทวิภาคีที่ 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งยังตกลงที่จะส่งเสริมให้การค้าในภูมิภาคราบรื่น ผ่านการใช้ ASEAN Single Window อย่างมีประสิทธิผล และการอำนวยความสะดวกให้แก่สินค้าผ่านแดน โดยเฉพาะที่จุดผ่านแดน

ไทยและเวียดนามยังหารือมาตรการที่จะอำนวยความสะดวกในการเข้าถึงตลาดให้แก่ผลิตภัณฑ์ของกันและกัน เช่น การเพิ่มโควตาการนำเข้าปศุสัตว์ และความตกลงยอมรับร่วมกันสำหรับผลิตภัณฑ์ท้องถิ่นภายใต้โครงการ OTOP ของไทย และ OCOP ของเวียดนาม

สองฝ่ายยินดีที่ปัจจุบัน ไทยเป็นนักลงทุนต่างชาติอันดับที่ 9 ในเวียดนาม ในขณะที่การลงทุนของเวียดนามในไทยก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สองฝ่ายเห็นพ้องที่จะเพิ่มการลงทุนสองทาง ผ่านการหารือเป็นประจำระหว่างหน่วยงานของสองประเทศ เพื่อส่งเสริมสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยสำหรับนักลงทุน สองฝ่ายยังได้แสดงการสนับสนุนบทบาทที่มากขึ้นของหอการค้าและอุตสาหกรรมไทยในเวียดนาม (ThaiCham) และหอการค้าเวียดนาม-ไทย (VietCham)

นอกจากนี้ยังตกลงที่จะจัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อนำยุทธศาสตร์ 3 เชื่อมโยง (Three Connects) ไปปฏิบัติ โดยมีเป้าหมายเพื่อเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทาน เศรษฐกิจท้องถิ่น และยุทธศาสตร์การพัฒนาที่ยั่งยืนของทั้งสองประเทศ สองฝ่ายจะให้ความสำคัญกับการพัฒนาความร่วมมือที่ใกล้ชิดยิ่งขึ้นในด้านพลังงานสะอาด เพื่อสนับสนุนเป้าหมายร่วมกันของสองประเทศในด้านความมั่นคงทางพลังงานและเศรษฐกิจที่ปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ และจะให้ความสนใจเป็นพิเศษกับเศรษฐกิจดิจิทัลและสตาร์ทอัพ ซึ่งรวมถึงการขยายขอบเขตบริการชำระเงินข้ามแดนด้วย QR Code ให้ครอบคลุมธุรกรรมระหว่างธุรกิจกับธุรกิจ รวมทั้งการจัดกิจกรรมอย่างสม่ำเสมอเพื่อส่งเสริมเครือข่ายสตาร์ทอัพไทยและเวียดนาม

ความเป็นหุ้นส่วนด้านการพัฒนาและความสัมพันธ์ระดับประชาชน

สองฝ่ายพอใจกับจำนวนนักท่องเที่ยวระหว่างกันที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยในปี 2566 มีคนเวียดนามเดินทางมาไทยกว่า 1 ล้านคน และคนไทยเดินทางไปเวียดนามประมาณ 500,000 คน สองฝ่ายเห็นพ้องที่จะทำงานอย่างใกล้ชิดต่อไป เพื่อเพิ่มการท่องเที่ยวระหว่างทั้งสองประเทศและดึงดูดนักท่องเที่ยวจากภายนอกภูมิภาค โดยการยกระดับความเชื่อมโยงทางคมนาคม ซึ่งรวมถึงการเพิ่มจำนวนเที่ยวบินและการพัฒนาเส้นทางรถประจำทางและเส้นทางทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงเส้นทางเชื่อมต่อทางถนนเพื่อเชื่อมโยงไทย เวียดนาม ลาว และกัมพูชา ไทยและเวียดนาม รวมทั้งประเทศอื่นๆ เพื่ออำนวยความสะดวกทั้งในด้านการค้า การลงทุน รวมถึงเป็นเส้นทางสำหรับการท่องเที่ยวเพื่อแลกเปลี่ยนความสัมพันธ์ระดับประชาชน

นอกจากนี้จะทำงานร่วมกันภายใต้แนวคิด “หกประเทศ หนึ่งจุดหมาย” หรือ “Six Countries, One Destination” เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวมากขึ้นและส่งเสริมให้ประเทศในภูมิภาคเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวเดียวกัน

ไทยและเวียดนามยังตกลงที่จะส่งเสริมความร่วมมือในระดับท้องถิ่นให้มากยิ่งขึ้น ผ่านความเป็นหุ้นส่วนที่มีประสิทธิผลระหว่างเมืองคู่มิตรของสองประเทศ ทั้งยังจะทำงานอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้นเพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ทางวัฒนธรรมและความร่วมมือด้านการศึกษา โดยเฉพาะการส่งเสริมการสอนภาษาไทยในเวียดนามและการสอนภาษาเวียดนามในไทย

ขณะที่่ในระหว่างการแถลงข่าวร่วมหลังการประชุมเจซีบีซี นายปานปรีย์แสดงความรู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่ไทยถือเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่ได้ยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีสู่การเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ที่แบบรอบด้านกับเวียดนาม เราเห็นพ้องว่าภายใต้ความเป็นหุ้นส่วนดังกล่าว เราจะต้องทำงานร่วมกันเพื่อนำสันติภาพ เสถียรภาพ และความเจริญรุ่งเรือง ไม่เพียงแต่สำหรับสองประเทศของเราเท่านั้น แต่ยังรวมถึงภูมิภาคทั้งหมดด้วย

นายปานปรีย์ยังได้ขอให้รัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนามช่วยอำนายความสะดวกให้กับการขนส่งสินค้าของไทย โดยเฉพาะสินค้าผ่านแดนจากเวียดนาม-จีน เนื่องจากขณะนี้กำลังใกล้จะเข้าสู่ฤดูผลไม้ในประเทศไทย
นอกจากนี้ยังมีการแลกเปลี่ยนความเห็นและประสานท่าทีในประเด็นระดับภูมิภาคและระหว่างประเทศ ซึ่งรวมถึงความร่วมมือในอาเซียนที่เห็นว่าควรเร่งรัดความร่วมมือด้านดิจิทัล เศรษฐกิจสีเขียว ความยั่งยืน พร้อมแสดงการสนับสนุนลาวในฐานะประธานอาเซียนปีนี้ และกระชับความร่วมมือในกรอบความร่วมมืออนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยเฉพาะในกรอบ ACMECS

ทั้งนี้ นายบุ่ย แทงห์ เซิน ได้แสดงความยินดีต่อความสำเร็จของไทยในการส่งมอบความช่วยเหลือข้ามพรมแดนและความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมที่ไทยให้กับเมียนมาครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 มีนาคม พร้อมกับแสดงการสนับสนุนข้อริเริ่มดังกล่าว โดยมองว่าเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามร่วมกันของอาเซียน ทั้งสองฝ่ายยังได้แสดงความห่วงกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์สู้รบในเมืองเมียวดีซึ่งอยู่บริเวณชายแดนไทย-เมียนมา และเรียกร้องให้ทุกฝ่ายใช้ความอดกลั้นและหาวิธียุติความรุนแรงและตอบสนองต่อความต้องการด้านมนุษยธรรมของประชาชน

ในประเด็นทะเลจีนใต้ ไทยจะทำงานร่วมกับเวียดนามและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อส่งเสริมความร่วมมือที่เป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย โดยสอดคล้องกับกฎหมายระหว่างประเทศและอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982

นายบุ่ย แทงห์ เซิน กล่าวว่า ทั้งสองประเทศเห็นพ้องกันว่าความร่วมมือระหว่างสองประเทศในปีที่ผ่านมามีการเติบโตอย่างยอดเยี่ยมในทุกด้าน เช่นเดียวกับความไว้ใจอันแข็งแกร่งและความเชื่อมั่นทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเราตกลงที่จะทำงานร่วมกันเพื่อทำให้การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์แบบรอบด้านมีความเข้มแข็งและลึกซึ้งยิ่งขึ้น ผ่านการแลกเปลี่ยนและการมีส่วนร่วมในระดับสูงสุดและในระดับอื่นๆ ทุกมิติ

รัฐมนตรีต่างประเทศเวียดนามแสดงมั่นใจว่าผลลัพท์ของการประชุมเจซีบีซีครั้งที่ 5 ที่ดีเยี่ยมนี้ จะมีบทบาทสำคัญในการขยายความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ที่เพิ่มพูนระหว่างเวียดนาม-ไทย จะนำมาซึ่งผลประโยชน์ที่แท้จริงแก่ประชาชนของทั้งสองประเทศต่อไป

การส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเวียดนามโดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสร้างความไว้วางใจในด้านความมั่นคงทางการเมือง และความพยายามในการมุ่งส่งเสริมการพัฒนาเชิงเศรษฐกิจในการประชุมนี้ถือเป็นการหารือที่ครอบคลุมและทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับเวียดนามลึกซึ้งมากยิ่งขึ้นด้วย

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image