สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า รายงานฉบับใหม่ที่นำเสนอต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) เผยแพร่เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ระบุว่า กองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส) ตกอยู่ในสถานการณ์ตั้งรับด้านการทหาร จากที่ต้องประสบกับภาวะรายได้ลดลงทั้งจากการขายน้ำมันและการขู่กรรโชก รวมถึงความสามารถในการดึงดูดและหาสมาชิกใหม่ที่หดหายด้วย
อย่างไรก็ตาม นายอันโตนิโอ กูแตร์เรส เลขาธิการยูเอ็นเตือนว่ากลุ่มไอเอสยังคงเป็นภัยคุกคามใหญ่หลวงและมีการ “ปรับตัวบางส่วน” จากความพ่ายแพ้ในสนามรบแล้ว
“ไอเอสตกอยู่ในสภาวะตั้งรับทางการทหารในหลายๆ พื้นที่ ที่เห็นได้ชัดเจนคือในอัฟกานิสถาน อิรัก ลิเบียและซีเรีย” รายงานระบุ และว่า สถานะทางการเงินของไอเอสกำลังย่ำแย่ลง บีบให้ทางกลุ่มต้องดำเนินการภายใต้สภาวะ “วิกฤตด้านงบประมาณ”
ทั้งนี้ รายได้การขายน้ำมันผิดกฎหมาย ที่ส่วนใหญ่มาจากบ่อน้ำมันในจังหวัดเดเรซซอร์ของซีเรีย ลดลงจาก 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อปี 2558 เหลือเพียง 260 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว
รายงานเรียกร้องให้รัฐบาลของชาติต่างๆ เฝ้าระวังความพยายามที่จะหาแหล่งรายได้ใหม่ของไอเอส โดยแสดงความกังวลว่าผู้สื่อข่าวและเจ้าหน้าที่อาสาสมัครที่เดินทางไปยังพื้นที่ซึ่งไอเอสยึดครองกลับมาได้อาจตกเป็นเป้าหมายของการลักพาตัว
นอกจากนี้รายงานยังระบุด้วยว่า การเดินทางหลั่งไหลเข้าไปยังอิรักและซีเรียของนักรบต่างชาติชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัดเนื่องจากมาตรการด้านความมั่นคงของรัฐบาลหลายชาติ และยังมีสาเหตุมาจาก “ความน่าดึงดูดที่ลดลง” ของไอเอสเองด้วย