“ทักษิณ” สัมภาษณ์ “ไฟแนนเชี่ยลไทม์ส” เผยพร้อมเจรจากับรัฐบาลทหาร

วันเดียวกันเว็บไซต์ไฟแนนเชี่ยลไทม์ส แผยแพร่บทสัมภาษณ์นายทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรีด้วยเช่นกัน โดยบทความดังกล่าวเป็นผลงานของนายไมเคิล พีล ผู้สื่อข่าวไฟแนนเชี่ยลไทม์ส ในชื่อเรื่อง “อดีตนายกผู้หลบหนีเผยตัวอีกครั้งเพื่อเรียกร้องการเจรจากับรัฐบาลทหาร” เนื้อหาระบุคำสัมภาษณ์ของอดีตนายกรัฐมนตรีผู้ที่ต้องลี้ภัยอยู่เป็นเวลานานถึง 7 ปีซึ่งระบุว่า รัฐบาลทหารนั้น “ไม่สามารถสร้างมั่นใจและความไว้เนื่อเชื่อใจได้”

บทความระบุว่า นายทักษิณ ให้สัมภาษณ์จากประเทศสิงคโปร์ เปิดเผยว่าตนอยู่แบบเงียบๆมานานเกินไปแล้ว และ “ผมขอเสนอการพบปะหารือในแบบใดก็ได้ ผมพร้อม” นายทักษิณกล่าว ต่อข้อถามว่าอดีตนายกรัฐมนตรีต้องการให้มีการหารือในลักษณะไหน นายทักษิณระบุว่า “ผมไม่ตั้งเงื่อนไขใดๆสำหรับตัวผมเอง ผมเพียงต้องการเห็นประเทศเดินหน้าต่อ อยากเห็นการคืนประชาธิปไตยสู่ประชาชน” นายทักษิณระบุ

นอกจากนี้อดีตนายกทักษิณ ระบุด้วยว่า ร่างรัฐธรรมนูญที่มีเป้าหมายในการลดอำนาจของนักการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งนั้นมีเป้าหมายมาที่ตน ตนไม่ได้ต้องการท้าทายหรือต่อสู้กับรัฐบาลทหารแต่ “ในศตวรรษที่ 21 นี้ไม่มีใครเคารพชาติที่ปกครองโดยรัฐบาลทหาร” นายทักษิณระบุ และว่า “ผมจะไม่พูดว่ารัฐบาลทหารชุดนี้จะอยู่ได้ไม่นาน แต่รัฐบาลใดๆก็ตามที่ไม่เคารพประชาชนจะอยู่ได้ไม่นาน”

ไฟแนนเชียลไทม์ส ระบุว่า อดีตนายกรัฐมนตรียังคงปฏิเสธในลักษณะที่เป็นแบบฉบับคือระบุว่าตนไม่ได้ทำผิดอะไร พร้อมทั้งยืนยันว่าข้อหาต่างๆที่ตนได้รับนั้นมีแรงจูงใจทางการเมือง อย่างไรก็ตามข้อกล่าวหาบางอย่างนั้นมาจากแหล่งข่าวอิสระอย่างกลุ่มสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะการสังหารคนนับพันคนใน “สงครามยาเสพติด” รวมถึงการต่อสู้กับกลุ่มแบ่งแยกดินแดนทางตอนใต้ของไทย

Advertisement

รายงานระบุว่าอดีตนายกฯยืนยันว่าตนไม่ได้มีการหารือทั้งโดยตรงและโดยอ้อมกับรัฐบาลทหาร แม้ว่าจะมีข่าวลือก่อนหน้านี้ว่าสองฝ่ายอาจบรรลุข้อตกลงเพื่อยุติการไล่ล่าดำเนินคดีกับทักษิณและครอบครัวลง

นอกจากนี้นายทักษิณยังระบุถึงชีวิตที่ต้องเดินทางด้วยพาสปอร์ตของประเทศมอนเตเนโกรหลังรัฐบาลไทยยกเลิกหนังสือเดินทางลงว่า ขณะนี้ตนอาศัยอยู่ในนครดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ แต่ก็มีบ้านพักอยู่ที่สหรัฐ อังกฤษ เยอรมนี สิงคโปร์ และฮ่องกง ขณะที่การทำธุรกิจยังคงดำเนินต่อไปด้ยการลงทุนในบริษัทเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีการแพทย์ในอังกฤษ เรื่อยไปจนถึงธุรกิจเหมืองโลหะในประเทศอูกันดาและแทนซาเนีย โดยนายทักษิณประเมินว่าตนเองมีทรัพย์สินอยู่ราว 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐหรือราว 35,700 ล้านบาท หลังจากหักเงินที่ถูกรัฐบาลไทยยึดไปจำนวน 46,000 ล้านบาทก่อนหน้านี้

QR Code
เกาะติดทุกสถานการณ์จาก Line@matichon ได้ที่นี่
Line Image