จวกยับเลือกปฏิบัติ! ยิมเกาหลีใต้ ปิดป้าย ‘อาจุมม่า’ ห้ามเข้า เหตุป่วนทำลูกค้าหนี

(แฟ้มภาพ)

จวกยับเลือกปฏิบัติ! ยิมเกาหลีใต้ ปิดป้าย ‘อาจุมม่า’ ห้ามเข้า เหตุป่วนทำลูกค้าหนี

สำนักข่าวบีบีซีได้รายงานเมื่อวันที่ 13 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า ที่โรงยิมแห่งหนึ่งในเมืองอินชอน ใกล้กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ได้มีการติดป้ายที่เขียนไว้ว่า “ไม่ต้อนรับอาจุมม่า” และ “อนุญาตเฉพาะผู้หญิงที่ได้รับการอบรมและมีความสง่างามเท่านั้น”

สำหรับคำว่า อาจุมม่า ในภาษาเกาหลีนั้นเป็นคำที่ใช้เรียกสำหรับผู้หญิงสูงวัย โดยทั่วไปแล้วจะหมายถึงผู้หญิงช่วงอายุตั้งแต่ 30 ปีขึ้นไป นอกจากนี้ยังเป็นคำที่ใช้ในการการดูถูกเหยียดหยามสำหรับ กลุ่มคนสูงวัยที่มีพฤติกรรมที่ถูกมองว่าน่ารังเกียจอีกด้วย

แม้ว่ามาตรการในการแบนพวกอาจุมม่าจากการเข้าใช้โรงยิม จะเป็นการกระทำโดยโรงยิมเพียงแห่งเดียว แต่ดูเหมือนว่าจะสร้างเสียงวิพากษ์วิจารณ์พอสมควร เนื่องจากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ธุรกิจโรงยิมและธุรกิจอื่นๆ ของประเทศเกาหลีใต้ถูกการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก จากการสั่งห้ามเด็กหรือผู้สูงอายุจากการเข้าใช้บริการในพื้นที่สถานที่สาธารณะบางแห่ง

การตัดสินใจของโรงยิมแห่งนี้กลุ่มคนบางส่วนถูกมองว่าเป็น ข้อพิสูจน์ถึงการไม่ยอมรับกลุ่มผู้สูงอายุบางกลุ่มที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่โรงยิมแห่งนี้ยังถูกวิพากษ์วิจารณ์ถึงพฤติกรรมที่เลือกปฏิบัติต่อผู้หญิงในช่วงวัยหนึ่งเป็นเฉพาะด้วย

ADVERTISMENT

ทั้งนี้ในสังคมเกาหลีที่ยึดถือธรรมเนียมปฏิบัติ ผู้หญิงในเกาหลีใต้ได้ต่อสู้มายาวนานเพื่อการเข้าถึงสิทธิต่างๆ ตั้งแต่การตัดผมสั้นไปจนถึงการเป็นโสด นอกจากนี้กลุ่มผู้หญิงได้แย้งว่าพวกผู้ชายมักจะไม่ค่อยได้รับการตัดสินในมาตรฐานเดียวกัน จากการกระทำในพฤติกรรมที่คล้ายคลึงกัน

ความคิดเห็นหนึ่งบนเว็บไซต์โซเชียลมีเดียท้องถิ่นได้ตั้งคำถามว่า นิยามของ ‘ลูกค้าที่ไม่ดี’ กลายเป็นคำว่า ‘อาจุมม่า’ ได้อย่างไร

อีกความคิดเห็นหนึ่งให้ความเห็นว่า ความเคลื่อนไหวในการห้ามกลุ่มผู้สูงอายุเข้ายิม เป็นภาพสะท้อนของทัศนคติที่ล้าสมัยของต้นทศวรรษ 2000

ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา พัค ซังฮี ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์เจทีบีซีว่า ” กลุ่มผู้ชายสูงอายุก็ประพฤติตัวคล้ายๆกัน บรรดาผู้ชายสูงอายุเองก็ ยังหมกมุ่นอยู่กับของฟรี พวกเขาเอาของฟรีซ้ำแล้วซ้ำอีก พฤติกรรมหยาบคายไม่มีมารยาทแบบนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นโดยผู้หญิงสูงอายุเท่านั้น”

“ถ้าคุณเคยทำงานในอุตสาหกรรมด้านบริการ คุณจะรู้ว่าไม่ใช่แค่ผู้หญิงสูงอายุเท่านั้นที่มีพฤติกรรมเหล่านั้น” พัค ซังฮีระบุ

นอกจากนี้นักวิจารณ์จำนวนมากก็ชี้ว่า มันเป็นการไม่ยุติธรรมที่จะระบุว่าเป็นความผิดโดยเฉพาะของกลุ่มผู้หญิงสูงอายุ ในเมื่อกลุ่มผู้ชายสูงอายุก็มีแนวโน้มที่จะประพฤติตัวไร้มารยาทพอๆ กัน

ทั้งนี้ทางยิมที่ตกเป็นเป้าวิจารณ์ได้ออกมาปกป้องตัวเองจากเสียงวิจารณ์ ด้วยประกาศเพิ่มเติมที่พยายามระบุมาตรฐานในการแยกแยะระหว่างอาจุมม่ากับผู้หญิง โดยระบุว่าพวกอาจุมม่ามักจะชอบของฟรีโดยไม่คำนึงถึงอายุ และหวงแต่เงินของตัวเองแต่ไม่คิดจะหวงเงินของคนอื่นๆ

โดยในรายงานไม่ได้ระบุชื่อโรงยิม รวมไปถึงชื่อของเจ้าของกิจการที่ออกมาปกป้องการตัดสินใจในการห้ามพวกอาจุมม่าเข้ามาใช้บริหาร เจ้าของกิจการเพียงบอกว่าบริษัทของเขา ได้รับความเสียหายจากกลุ่มผู้หญิงสูงวัยเหล่านี้ และพฤติกรรมอันเลวร้ายของพวกเธอ

เจ้าของกิจการบอกระหว่างการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์กับสำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้ว่า “ลูกค้าสตรีที่เป็นสูงอายุบางคน ใช้เวลาหนึ่งหรือสองชั่วโมงในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อซักผ้า ขโมยสิ่งของต่างๆ เช่น ผ้าเช็ดตัว สบู่ หรือไดร์เป่าผม”

“พวกเขาจะนั่งกันเป็นแถวและตั้งวงสนทนากัน และวิพากษ์วิจารณ์ร่างกายของคนอื่น ”

โดยเจ้าของกิจการยังอธิบายอีกว่าหญิงสาวบางคนไม่มาที่ยิมอีกเลย เพราะความคิดเห็นของพวกอาจุมม่า ซึ่งได้ทำให้กลุ่มลูกค้าผู้หญิงรู้สึกไม่พอใจ และไม่สบายใจ

นอกจากนี้เจ้าของยิมรายนี้ยังเสริมอีกว่า มีเจ้าของธุรกิจคนอื่นๆ ที่มีความรู้สึกแบบเดียวกันแต่ไม่ได้แสดงตัวออกมาแบบเขา “ไม่ใช่ว่าผมพยายามแสดงความคิดเห็นที่แสดงความเกลียดชังต่อกลุ่มผู้หญิงสูงอายุ หรือเพศผู้หญิงโดยทั่วไป” เขากล่าว และว่า “ผมคิดว่าคนที่โกรธเคืองกับมาตรการของผม มีแค่กลุ่มคนที่มีปัญหาเท่านั้น”

มาตรการในการแบนดังกล่าวได้รับการสนับสนุนจากชาวเน็ตบางคน ซึ่งดูเหมือนจะหมดความอดทนกับมารยาทที่เลวทรามของผู้หญิงสูงวัยไปจนถึงวัยกลางคน มีคนอ้างว่ากลุ่มคนเหล่านี้ชอบมาสร้างเขตแดนของตัวเองในยิม บางคนถึงขั้นใช้ภาษาดูหมิ่นเรียกอาจุมม่าเป็นพวกไร้สติ

อีกความคิดเห็นหนึ่งบนยูทูบได้บ่นว่า “ผู้หญิงพวกนั้นน่ารำคาญ พวกนางพาลูกๆ ไปที่ร้านอาหารและร้านกาแฟ นอกจากนี้ยังเป็นพวกขี้หลงขี้ลืมและชอบทำอะไรไม่เหมาะสม”

มีการพูดถึงปัญหาของเหล่าเด็กๆ ที่บรรดาอาจุมม่าพามาหลายครั้ง ประเด็นหลักๆ ที่เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์คือคือพวกอาจุมม่าชอบกินพื้นที่ในการใช้บริการ ในบริเวณที่เป็นพื้นที่สาธารณะเป็นจำนวนมาก