นางอิเมลดา มาร์กอส อดีตสตรีหมายเลข 1 ของฟิลิปปินส์ ต้องพ่ายแพ้ในคดีที่ต่อสู้ยื้อยุดมานาน กรณีร้องขอเครื่องเพชรคืน หลังศาลฎีกาฟิลิปปินส์ยืนกรานคำสั่งยึดเครื่องเพชรหลายรายการของนางมาร์กอส ที่มีมูลค่ารวมทั้งสิ้น 150,000 ดอลลาร์ (ราว 5.25 ล้านบาท) ซึ่งถูกทางการฟิลิปปินส์ยึดได้หลังจากอดีตประธานาธิบดีเฟอร์ดินันด์ อี.มาร์กอส ผู้นำเผด็จการฟิลิปปินส์ ถูกโค่นล้มจากอำนาจ
โดยในการไต่สวนคดีนี้ของศาลฎีกาฟิลิปปินส์ที่มีขึ้นตั้งแต่วันที่ 18 มกราคมที่ผ่านมา แต่เพิ่งมีการเปิดเผยการตัดสินของศาลออกมาในสัปดาห์นี้ ชี้ขาดว่านางมาร์กอสได้ทรัพย์สินดังกล่าวมาโดยมิชอบด้วยกฎหมาย ส่งผลให้เครื่องเพชรดังกล่าวตกเป็นของรัฐ ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่เครื่องเพชรเหล่านี้จะถูกนำไปเปิดประมูลร่วมกับชุดเครื่องเพชรจำนวนมากของนางมาร์กอสที่ถูกริบยึดเป็นของรัฐก่อนหน้านี้ ที่คาดว่าจะทำรายได้ให้แก่รัฐหลายล้านดอลลาร์
ข่าวแจ้งว่า อัญมณีเครื่องเพชรของนางมาร์กอสถูกทางการยึดที่ทำเนียบมาลากันยัง อันเป็นทำเนียบประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ หลังจากครอบครัวมาร์กอสได้พากันหลบหนีออกนอกประเทศไปยังสหรัฐอเมริกาในปี 1986 หลังเกิดการปฏิวัติพลังประชาชนโค่นล้มอำนาจนายมาร์กอสในปีดังกล่าว ที่นำไปสู่การยุติระบอบอำนาจเผด็จการมาร์กอสที่ครอบงำประเทศฟิลิปปินส์มานานถึง 20 ปี
รัฐบาลฟิลิปปินส์ในเวลาต่อมาระบุว่า ตระกูลมาร์กอสได้ปล้นทรัพย์สินของประเทศชาติไปในขณะที่ชาวฟิลิปปินส์นับหลายล้านคนต้องตกอยู่ในความยากจน ทั้งนี้ ทางการฟิลิปปินส์ประเมินว่านายมาร์กอสและพวกพ้องได้ปล้นทรัพย์สินของชาติไปเป็นจำนวนมากถึง 10,000 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจนถึงขณะนี้ทางการฟิลิปปินส์สามารถนำกลับคืนมาได้ยังไม่ถึงครึ่งหนึ่งที่ถูกปล้นไป ทั้งผ่านการฟ้องร้องและการทำความตกลงเจรจาขอคืนจากพวกพ้องและตระกูลมาร์กอส
ขณะที่ในปี 2009 ศาลต่อต้านการทุจริตของฟิลิปปินส์ได้สั่งริบเครื่องเพชรของตระกูลมาร์กอสเป็นของรัฐ แต่นางมาร์กอสได้ต่อสู้คดีในศาลสูงในปี 2014
